ปตท. พิจารณาปรับราคาน้ำมันขายปลีกกลุ่มดีเซลทุกชนิดขึ้น 40 สตางค์/ลิตร ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (13 ก.ย. 50) เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป หลังมีค่าการตลาดต่ำมากอยู่ที่ 8 สตางค์ต่อลิตร ทำผู้ประกอบขาดทุน
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงมีความผันผวนสูงทั้งน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล ในช่วงสัปดาห์นี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึง 3.42 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อยู่ที่ระดับ 90.86 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เป็นผลมาจากปริมาณสำรองน้ำมันดีเซลในตลาดโลกปรับตัวลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 6.50 ล้านบาร์เรล นับว่าต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ และต่ำกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 21% ประกอบกับโรงกลั่น Corpus Christi ในมลรัฐเท็กซัส และโรงกลั่นน้ำมันในประเทศเกาหลีใต้ได้ปิดซ่อมบำรุงชั่วคราว ขณะเดียวกันมีความต้องการน้ำมันดีเซลในปริมาณมากในหลายประเทศ เช่น เวียดนาม อินเดีย และศรีลังกา เป็นต้น |
. |
จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ต้นทุนเนื้อน้ำมันปรับสูงขึ้นอย่างมาก และมีค่าการตลาดต่ำมากอยู่ที่ 8 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องรับภาระขาดทุนทุกลิตรกว่า 1 บาท ปตท. จึงจำเป็นต้องพิจารณาปรับราคาน้ำมันขายปลีกกลุ่มดีเซลทุกชนิดขึ้น 40 สตางค์/ลิตร นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (13 ก.ย. 50) เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป ทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขต กทม.และปริมณฑล เป็นดังนี้ |
. |
หน่วย : บาท/ลิตร
|
. |
สำหรับราคาน้ำมันดิบดูไบ ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 72.35 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (เพิ่มขึ้น 1.51 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) ทำสถิติสูงสุดเช่นกัน และน้ำมันสำเร็จรูปเบนซินขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งอยู่ในระดับทรงตัว |
. |
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฯ กล่าวต่อไปว่า แนวโน้มราคาน้ำมันช่วงนี้ยังคงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันสำรองของสหรัฐฯ ที่ลดลงถึง 20 ล้านบาร์เรล ในขณะที่กลุ่มประเทศโอเปกมีมติให้เพิ่มกำลังการผลิตเพียง 500,000 บาร์เรล/วัน เท่านั้น ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามที่ EIA คาดการณ์ไว้ในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้ (ความต้องการใช้ประมาณ 85.7 ล้านบาร์เรล/วัน ในขณะที่มีปริมาณน้ำมันประมาณ 84 ล้านบาร์เรล/วัน) อีกทั้งยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านอื่นๆ ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันตลาดโลกทั้งสิ้น เช่น สถานการณ์ความตึงเครียดในประเทศต่างๆ, ฤดูมรสุม และสถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ดังนั้น ปตท. จึงขอเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันมาใช้พลังงานทดแทน และใช้พลังงานอย่างประหยัดให้มากที่สุด |