เนื้อหาวันที่ : 2007-08-29 17:44:13 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2060 views

อินโฟเซฟ เปิดตลาดบริการย่อยทำลายข้อมูลรายแรกของไทย

บริษัทอินโฟเซฟ จำกัด ในธุรกิจกระดาษ เครือซิเมนต์ไทย (SCG PAPER) เปิดตัวนวัตกรรมบริการ ย่อยทำลายข้อมูลสำคัญแบบครบวงจรตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกรายแรกของไทย ปฏิวัติมาตรฐานการดำเนินธุรกิจด้วยตระหนักในความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

.

บริษัทอินโฟเซฟ จำกัด ในธุรกิจกระดาษ เครือซิเมนต์ไทย (SCG PAPER) เปิดตัวนวัตกรรมบริการ ย่อยทำลายข้อมูลสำคัญแบบครบวงจรตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกรายแรกของไทย ปฏิวัติมาตรฐานการดำเนินธุรกิจด้วยตระหนักในความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

.

นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทอินโฟเซฟ จำกัด เปิดเผยว่า ในปัจจุบันทุกองค์กรทราบดีว่าข้อมูลสำคัญคือหัวใจในการทำธุรกิจ ที่จะทำให้องค์กรเอาชนะการแข่งขันในตลาดได้   แต่ปัญหาก็คือ ส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักถึงการปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กรมากพอ ทั้งในด้านการเก็บรักษาและการทำลายข้อมูลสำคัญ ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลหลุดออกไปนอกองค์กรโดยไม่ตั้งใจและส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานได้ 

..

รายงานของสถาบัน National Association for Information Destruction ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและกำหนดมาตรฐานในการย่อยทำลายข้อมูลสำคัญระบุว่า แม้ว่าองค์กรชั้นนำจำนวนมากจะมีนโยบายและกฎในการจัดเก็บและรักษาข้อมูลสำคัญ แต่เอกสารที่เป็นกระดาษกว่า 70% เช่น เอกสารที่พิมพ์ผิด บันทึกภายในองค์กร รายงาน หรือแม้แต่กระดาษที่ใช้จดโน้ตต่างๆ ไม่ได้รวมอยู่ใต้กฎดังกล่าว

.

นอกจากนี้ องค์กรจำนวนมากยังขาดความเข้าใจและตระหนักว่าการทำลายข้อมูลสำคัญอย่างไม่เหมาะสมก่อให้เกิดผลกระทบต่อความปลอดภัย สถานะทางการเงิน และสิ่งแวดล้อมมากแค่ไหน รวมทั้งขาดความรู้เกี่ยวกับการจัดการเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลด้วย

.

"ในความท้าทายนี้ เรามองเห็นโอกาสที่ดี  จึงได้ก่อตั้งบริษัทอินโฟเซฟขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ที่สนับสนุนธุรกิจกระดาษ และตอบโจทย์ความต้องการในตลาด ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถจัดการความเสี่ยง และป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลได้เป็นอย่างดี  โดยยึดมั่นในจุดยืนของธุรกิจกระดาษ   เครือซิเมนต์ไทย ในการดำเนินธุรกิจที่เน้นการสร้างและนำเสนอนวัตกรรม  การสร้างโซลูชั่นที่สนองความต้องการของธุรกิจได้อย่างตรงจุด  และความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้อีกด้วย"  นายมนตรีกล่าว

.

บริษัทอินโฟเซฟ จำกัด เป็นผู้ให้บริการจัดเก็บและย่อยทำลายข้อมูลสำคัญอย่างเป็นระบบตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกเป็นรายแรกในประเทศไทย และนำข้อมูลสำคัญทั้งกระดาษและแผ่นซีดีที่ทำลายเรียบร้อยแล้วมารีไซเคิลอย่างถูกวิธี ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง  โดยจะย่อยทำลายข้อมูลสำคัญของลูกค้าภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากได้รับเอกสารดังกล่าว

.

อินโฟเซฟ ให้บริการครบวงจรตั้งแต่การจัดเก็บข้อมูลสำคัญจากสำนักงานของลูกค้า การขนส่งเพื่อนำไปทำลายอย่างเหมาะสม การติดตามสถานะของข้อมูลนั้น ตลอดจนการรีไซเคิลข้อมูลสำคัญที่ถูกย่อยทำลาย โดยที่บริษัทฯ ให้บริการใน 2 รูปแบบคือ บริการรับข้อมูลสำคัญมาย่อยทำลายที่โรงงานนวนคร และบริการย่อยทำลาย ณ สำนักงานของลูกค้าโดยรถโมบายคันแรกของประเทศไทย

.

บริษัทฯ มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดและเทคโนโลยีทันสมัย โดยให้บริการสอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยของ National Association for Information Destruction (NAID) ซึ่งเป็นสถาบันชั้นนำที่กำหนดคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยของอุตสาหกรรมบริการทำลายเอกสารสำคัญทั่วโลก ทั้งในด้านถุงบรรจุข้อมูลสำคัญที่จะมีการซีลปิดอย่างแน่นหนา และมี RFID card กำกับสำหรับการบันทึกเวลาในการขนส่งแต่ละขั้นตอน 

.

ในด้านการขนส่ง รถขนส่งทุกคันของบริษัทฯ เป็น คอนเทนเนอร์ปิดที่ติดตั้งระบบติดตามผ่านสัญญาณดาวเทียม หรือ GPS  โดยสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ทุกขั้นตอน นอกจากนี้ ลูกค้ายังชมการย่อยทำลายข้อมูลสำคัญของตนได้ถึง 3 ทาง คือ การชมการย่อยทำลายที่โรงงาน การชมผ่านระบบออนไลน์แบบเรียลไทม์ หรือทางวีดิโอที่บริษัทฯ บันทึกไว้ในรูปแบบซีดี

.

ข้อมูลสำคัญจะถูกย่อยทำลายด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัยซึ่งมีกำลังสูงถึง 5 ตันต่อชั่วโมง เอกสารที่ผ่าน  เข้าเครื่องย่อยจะถูกตัดเป็นชิ้นเล็กที่มีขนาดเพียง 13 มิลลิเมตร ก่อนจะนำไปรีไซเคิลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

.

"ด้วยความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เราให้ความสำคัญมากเกี่ยวกับการรีไซเคิลข้อมูลสำคัญที่ย่อยทำลายแล้ว จะผ่านกระบวนการรีไซเคิลเพื่อทำเป็นเยื่อกระดาษและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นายมนตรีกล่าว

.

"บริษัทฯ เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า การที่เราเริ่มให้บริการในครั้งนี้ จะทำให้เกิดความตื่นตัวในเรื่องการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลรวมถึงการทำลายข้อมูลสำคัญอย่างเหมาะสม ในองค์กรทุกขนาด ทุกอุตสาหกรรม รวมถึงการรักษาและทำลายข้อมูลสำคัญของบุคคลด้วย  ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว ก็จะทำให้องค์กรของไทยมีความแข็งแรง มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล เพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งลดโอกาสที่ความลับและข้อมูลสำคัญจะรั่วไหลไปสู่บุคคลภายนอกด้วย" นายมนตรีสรุป

.

"บริษัทฯ เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า การที่เราเริ่มให้บริการในครั้งนี้ จะทำให้เกิดความตื่นตัวในเรื่องการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลรวมถึงการทำลายข้อมูลสำคัญอย่างเหมาะสม ในองค์กรทุกขนาด ทุกอุตสาหกรรม รวมถึงการรักษาและทำลายข้อมูลสำคัญของบุคคลด้วย  ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว ก็จะทำให้องค์กรของไทยมีความแข็งแรง มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล เพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งลดโอกาสที่ความลับและข้อมูลสำคัญจะรั่วไหลไปสู่บุคคลภายนอกด้วย" นายมนตรีสรุป