เนื้อหาวันที่ : 2016-09-16 13:25:13 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 614 views

กลุ่มไทคอนชี้แนวโน้มโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าครึ่งปีหลังโต เดินหน้าพัฒนามินิแฟคตอรี่ตอบโจทย์ลูกค้าญี่ปุ่นหวังสัดส่วนเพิ่มขึ้น

กลุ่มบริษัทไทคอน มั่นใจธุรกิจครึ่งปีหลังเติบโตได้ตามแผน ชี้แนวโน้มโรงงานและคลังสินค้าให้เช่ายังเติบโตดี โดยเฉพาะทำเลบางนา-ตราด บางพลี และวังน้อย ซึ่งตอบโจทย์ด้านการกระจายสินค้าของผู้ประกอบการเป็นอย่างดี พร้อมเดินหน้าพัฒนามินิแฟคทอรี่เฟส 2 ในโครงการ Yokohama Factory Zone  หวังโกยสัดส่วนลูกค้าญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น

นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON ผู้นำด้านการพัฒนาโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าคุณภาพสูงพร้อมใช้เพื่อให้เช่ารายใหญ่ของ ประเทศไทย เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานของกลุ่มไทคอนในครึ่งปีแรกเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้  โดยกลุ่มไทคอนได้ขยายพื้นที่โรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าพร้อมใช้เพิ่มเติมต่อเนื่อง เพื่อรองรับการลงทุนจากต่างประเทศที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มไทคอนมีลูกค้าเช่าโรงงาน และคลังสินค้าเพิ่มขึ้นรวม 42 รายทำให้ลูกค้าทั้งหมดของ TICON และ TPARK ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2559 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 325 ราย ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทต่างชาติมากกว่าร้อยละ 90 โดยสัดส่วนลูกค้าหลักของโรงงานคือญี่ปุ่นและยุโรป ซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ และอิเลคทรอนิคส์ ส่วนกลุ่มลูกค้าหลัก 3 อันดับแรกของคลังสินค้ามาจากยุโรป ญี่ปุ่น และไทย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น” นายวีรพันธ์ กล่าว

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในครึ่งหลังของปี 2559 ธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าจะยังคงเติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่แถบบางนา-ตราด บางพลี และวังน้อย ซึ่งเป็นทำเลที่ตอบโจทย์ด้านการผลิตและโลจิสติกส์ของอุตสาหกรรมที่หลากหลายและมีแนวโน้มขยายตัวในพื้นที่เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง กลุ่มไทคอนจึงเดินหน้าขยายพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่าในโครงการต่างๆ ให้ได้ตามเป้าหมาย 280,000 ตารางเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ภายในสิ้นปี 2559  โดยหนึ่งในแผนการพัฒนาโครงการของกลุ่มไทคอน คือ การเดินหน้าพัฒนาโรงงานขนาดมินิในโครงการ Yokohama Factory Zone ซึ่งเป็นโครงการต้นแบบของไทคอนที่พัฒนาขึ้นเพื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจากประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ เป็นเฟสที่ 2 ภายในนิคมอุตสาหกรรมเอเซียสุวรรณภูมิ ประกอบด้วยโรงงานขนาด 550 ตารางเมตร จำนวน 10 ยูนิต ซึ่งหากรวมกับเฟสแรกที่พัฒนาแล้วเสร็จแล้วจะทำให้มีขนาดพื้นที่ให้เช่ารวม 11,0000 ตารางเมตร โดยคาดว่า เมื่อพัฒนาโครงการแล้วเสร็จจะมีสัดส่วนลูกค้าญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาคลังสินค้าในภูมิภาค ได้แก่ จ. ขอนแก่น และ จ. ลำพูน ซึ่งได้เปิดให้บริการคลังสินค้าเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพื่อรองรับธุรกิจโมเดิร์นเทรด และโลจิสติกส์ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือซึ่งกำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับความคืบหน้าการขยายการลงทุนในต่างประเทศนั้น บริษัทฯ มีแผนลงทุนในประเทศเวียดนาม โดยกำลังพิจารณาหาพันธมิตรทั้งในเวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้  นอกจากนี้ ยังมีแผนการลงทุนในประเทศกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนเช่นกันในส่วนของการลงทุนในประเทศอินโดนีเซียที่ได้มีการร่วมมือกับ SSIA และมิตซุย ในการขยายธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าโครงการขนาดพื้นที่ 146,000 ตารางเมตร บริษัท SLP อยู่ในระหว่างการก่อสร้างคลังสินค้าในเฟสที่ 2 ขนาดพื้นที่รวม 51,000 ตารางเมตร ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปีนี้ นอกจากนี้ ยังวางแผนซื้อที่ดินเพิ่มเติมในหลายพื้นที่ในประเทศอินโดนีเซียเพื่อลงทุนต่อเนื่องอีกด้วย