กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ตรวจเข้มตามมาตรการกำกับดูแลเหมืองแร่ช่วงหน้าฝน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการยุบตัวและเกิดอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงานและประชาชนในพื้นที่ โดยมีมาตรการดังนี้ 1.ทำเหมืองตามแผนผังโครงการการทำเหมืองแร่ฯและการแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด 2.ทำเหมืองเป็นขั้นบันได 3.การทำเหมืองโดยไม่ให้หันหน้าไปในทิศทางที่จะมีแนวชั้นหินวางตัวเอียงเทลงสู่หน้างานด้านล่าง 4. ตรวจสอบพื้นที่หน้างานก่อนการปฏิบัติงานทุกครั้ง 5.ปิดกั้นพื้นที่เพื่อปรับปรุงแก้ไข 6.จัดให้มีบ่อดักตะกอน อย่างไรก็ตาม กพร. ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบกำกับดูแลการทำเหมืองแร่ที่มีความเสี่ยงสูงให้ปฏิบัติตามแผนผังโครงการทำเหมืองโดยเฉพาะเหมืองที่มีความเสี่ยงต่อการพังถล่มในช่วงหน้าฝนและควรเฝ้าระวังจำนวน 57 เหมืองจากจำนวนเหมืองแร่ 595 เหมืองทั่วประเทศ ซึ่งส่วนมากเป็นเหมืองหินแร่อุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรม ล่าสุด กพร. ได้ดำเนินการสั่งให้มีการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องตามมาตรการและการแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเงื่อนไขแนบท้ายการอนุญาตแล้วจำนวน 31 ราย และยังคงเข้มงวดในการตรวจสอบและเฝ้าระวังต่อไป
นายชาติ หงส์เทียมจันทร์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กล่าวว่า อุตสาหกรรมเหมืองแร่เป็นอุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉะนั้นในช่วงหน้าฝนที่มีฝนตกหนัก อุตสาหกรรมเหมืองแร่จึงมีความเสี่ยงสูงที่อาจเกิดอุบัติเหตุจากเหมืองถล่ม โดยบริเวณที่มีความเสี่ยงในพื้นที่ประทานบัตรเหมืองแร่ ได้แก่ บริเวณที่มีหน้าเหมืองสูงชัน บริเวณที่มีรอยแตก รอยเลื่อน หรือมีดินแทรก ฯลฯ กพร. จึงได้มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดตามมาตรการกำกับดูแลและการเฝ้าระวังเหมืองถล่มทั่วประเทศในช่วงฤดูฝน ดังนี้
ทั้งนี้ กพร. ได้มอบหมายให้ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทุกจังหวัด และสำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ทุกเขต ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบกำกับดูแลการทำเหมืองแร่ โดยเฉพาะพื้นที่เหมืองแร่ที่มีความเสี่ยงสูงให้ปฏิบัติตามแผนผังโครงการทำเหมือง มาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตามเงื่อนไขประทานบัตร รวมทั้งวิธีการป้องกันอันตรายตามหลักวิศวกรรมอย่างเคร่งครัด โดยจากการตรวจสอบพบพื้นที่หน้างานที่มีความเสี่ยง ได้แก่ หน้าเหมืองที่อาจจะมีหินร่วงหล่น หน้าเหมืองที่อาจจะมีการเลื่อนของชั้นหิน หน้าเหมืองสูงชัน และพื้นที่ที่มีเส้นทางขนส่งชำรุด ซึ่งจากการตรวจสอบพบพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการพังถล่มในช่วงหน้าฝนและควรเฝ้าระวังมีประมาณ 57 เหมืองจากจำนวนเหมืองแร่ 595 เหมืองทั่วประเทศ ในจำนวนนี้ส่วนมากเป็นเหมืองหินแร่อุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมโดยกระจายอยู่ในจังหวัดต่างๆ อาทิ ชลบุรี สระบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช พะเยา ขอนแก่น และสุพรรณบุรี เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ กพร. ได้ดำเนินการสั่งให้มีการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องตามมาตรการและการแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและเงื่อนไขแนบท้ายการอนุญาตแล้วจำนวน 31 ราย ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการควบคุมให้เกิดความปลอดภัยในการประกอบการเหมืองแร่ตามกฎ ระเบียบ และเงื่อนไขต่าง ๆ นายชาติ กล่าว
ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯโทรศัพท์ 0-2202-3555หรือเข้าไปที่ www.dpim.go.th