ชมแหล่งกำเนิดกระดาษจากไม้ปลูกของดั๊บเบิ้ล เอ สัมผัสกับขั้นตอนการผลิตกระดาษเริ่มตั้งแต่กำเนิดต้นกล้ากระดาษ เติบโตเป็นต้นกระดาษ ผ่านกระบวนการอีกหลายขั้นตอนก่อนจะมาเป็น "กระดาษ" ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ณ โรงงาน จ.ปราจีนบุรี
ชมแหล่งกำเนิดกระดาษจากไม้ปลูกของดั๊บเบิ้ล เอ สัมผัสกับขั้นตอนการผลิตกระดาษเริ่มตั้งแต่กำเนิดต้นกล้ากระดาษ เติบโตเป็นต้นกระดาษ ผ่านกระบวนการอีกหลายขั้นตอนก่อนจะมาเป็น "กระดาษ" ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ณ โรงงาน จ.ปราจีนบุรี |
. |
. |
ในขณะที่มนุษยชาติกำลังกังวลอยู่กับภาวะโลกร้อน จากการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์เอง โดยเฉพาะการใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือย ดังนั้นสิ่งที่เราจะร่วมมือกันช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ก็คือการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยเริ่มต้นจากตัวเอง และขยายไปยังคนรอบข้าง |
. |
ดั๊บเบิ้ล เอ ในฐานะผู้ผลิตกระดาษ จากไม้ปลูกของเกษตร ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางการลดการใช้ทรัพยากรธรมชาติ ได้ส่งเสริมและให้ความรู้แก่เยาวชนในการรณรงค์ให้ใช้กระดาษที่ผลิตมาจากไม้ปลูก ด้วยการร่วมมือกับ สมาคมสิ่งแวดล้อมไทย และสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย ในการจัดโครงการประกวด "สื่อรณรงค์" การใช้กระดาษจาก "ไม้ปลูก" |
. |
ซึ่งการประกวดในครั้งนี้ได้จัดกิจกรรม "ท่องปราจีนชมแหล่งกำเนิดกระดาษจากไม้ปลูก" โดยการนำผู้ร่วมส่งผลงานเข้าร่วมประกวดในโครงการฯไปสัมผัสกับขั้นตอนการผลิตกระดาษเริ่มตั้งแต่กำเนิดต้นกล้ากระดาษ เติบโตเป็นต้นกระดาษ ผ่านกระบวนการอีกหลายขั้นตอนก่อนจะมาเป็น “กระดาษ” ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ณ โรงงาน จ.ปราจีนบุรี ซึ่งทำให้ทุกคนทึ่งกับสิ่งที่ได้พบ และภูมิใจที่กระดาษของไทยสามารถใช้ไม้ของเกษตรกรโดยไม่ต้องใช้ป่าธรรมชาติมาเป็นวัตถุดิบอย่างที่หลายคนเข้าใจกันอีกแล้ว |
. |
. |
เช้าวันเสาร์ของเดือนกรกฎาคม ตัวแทนเยาวชนผู้ร่วมโครงการฯ มาพร้อมหน้ากัน ณ จุดนัดพบที่อาคารดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ พอล้อหมุน กิจกรรมจากพี่ ๆ ดั๊บเบิ้ล เอ ก็เรียกความสนุกสนาน จากน้อง ๆ ได้ไม่น้อย ทำให้การเดินทางจากกรุงเทพฯถึง ปราจีนบุรี สั้นลงไปแค่ชั่วพริบตา |
. |
ช่วงสาย ๆ พอถึงที่หมาย เราเริ่มต้นด้วยการเยี่ยมชมกระบวนการผลิตต้นกล้ากระดาษของดั๊บเบิ้ล เอ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของกระดาษคุณภาพ ที่ผลิตมาจากการเพาะเลี้ยง "เนื้อเยื่อ" ในห้องปฏิบัติการ ทำให้ต้นกล้าที่ได้มีลักษณะที่ดีเหมือนกับต้นแม่ทุกประการ คือ ลำต้นตรง โตเร็ว ให้คุณภาพเยื่อที่ดี ไม่มีรากแก้วที่หยั่งลึกลงดิน แถมยังได้ไปดูแปลงจริงของเกษตรกร ที่ปลูกอยู่บนคันนาข้าว ซึ่งเป็นการสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกร ถึงขนาดมีรายได้หมุนเวียนไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาทเลยทีเดียว |
. |
หลังจากสัมผัสกับต้นกล้ากระดาษกันมาพอสมควร ก็ถึงเวลาที่จะเข้าไปเยี่ยมชมการผลิตกระดาษกันบ้าง ซึ่งผู้ร่วมกิจกรรม ก็ได้รับรู้ทุกขั้นตอนของการผลิต เริ่มตั้งแต่การนำไม้ของเกษตรกร ส่งเข้าโรงชิ้นไม้สับ และส่งต่อสายพานไปยังโรงผลิตเยื่อ เมื่อได้เยื่อคุณภาพแล้ว ก็ส่งต่อไปเข้าสู่เครื่องจักรผลิตกระดาษ ฉีดน้ำเยื่อเข้าสู่ตระแกรงลวดเดินแผ่น กดรีดน้ำ อบแห้ง ผ่านกระบวนการเคลือบผิวกระดาษ และขัดผิวกระดาษ เพื่อทำให้แผ่นกระดาษที่ยาวต่อเนื่องออกมาเป็นกระดาษม้วนใหญ่ ซึ่งแต่ละม้วนหนักกว่า 30 ตัน จนมาถึงการตัดเป็นม้วนหรือเป็นแผ่นเพื่อนำออกจำหน่าย |
. |
นอกจากนี้ ยังได้แวะเยี่ยมชมโรงเรียนโคกกระท้อน ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการปลูกต้นกระดาษตั้งแต่ปี 2535 โดยใช้พื้นที่ว่างของโรงเรียนกว่า 25 ไร่ ในการเพาะปลูกต้นกระดาษ และนำรายได้มาสนับสนุนการศึกษาให้กับนักเรียน โดยในวันนี้ ด.ญ.วีราภรณ์ ศรีอุทยาน นักเรียนชั้น ป.6 ซึ่งเป็นตัวแทนของโรงเรียนได้มาบอกเล่าถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการปลูกต้นกระดาษ |
. |
. |
โดยตั้งแต่ปี 2539 โรงเรียนได้นำเงินที่ได้จากการขายต้นกระดาษจากการตัดครั้งที่ 1 กว่า 200,000 บาท สร้างสนามฟุตบอล เพื่อใช้เป็นที่ทำกิจกรรมให้กับนักเรียน การตัดครั้งที่ 2 อีกกว่า 100,000 บาท ใช้ในการต่อเติมอาคารเรียน 4 ห้อง และการตัดครั้งที่ 3 อีกกว่า 40,000 บาท โดยใช้ในการซื้อกล้องดิจิตอล และซื้อคอมพิวเตอร์ให้กับนักเรียนเพื่อใช้ในการศึกษา |
. |
ซึ่งนอกจากคณะที่ร่วมเดินทางจะได้รับรู้ถึงประโยชน์ของต้นกระดาษดั๊บเบิ้ล เอ ที่มีต่อโรงเรียนในพื้นที่ต่างจังหวัดแล้ว ในวันนั้นเยาวชนที่ร่วมเดินทางไปกับดั๊บเบิ้ล เอ ยังได้ช่วยกันลดภาวะโลกร้อน และสร้างรายได้ให้กับโรงเรียน ด้วยการร่วมกันปลูกต้นกระดาษในพื้นที่โรงเรียนโคกกระท้อน เพื่อเป็นรายได้ให้กับโรงเรียนต่อไป |
. |
ถึงตอนนี้ต้องหันไปสอบถามน้องๆผู้เข้าประกวดแล้วล่ะว่าได้ไอเดียเด็ดอะไรบ้างจากการร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ซึ่งทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเปิดเผยไอเดียไม่ได้ แต่ในส่วนของพฤติกรรมการใช้กระดาษหลังจากนี้ไป จะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการเลือกใช้กระดาษจะเลือกใช้กระดาษที่มาจากไม้ปลูกจากเกษตรกร เพราะนอกจากจะไม่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติหมดไปแล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรอีกด้วย |
. |
โดยกลุ่มน้อง ๆ จาก มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า " รู้สึกประทับใจที่มีการดูแลธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยการผลิตกระดาษจากไม้ปลูกของเกษตรกร เพราะหลังจากได้ทราบถึงขั้นตอนการผลิตกระดาษแล้วทำให้รู้ว่ากว่าที่จะได้กระดาษมาใช้นั้น จะต้องใช้ไม้และพลังงานเป็นจำนวนมาก หลังจากนี้จะใช้กระดาษอย่างระมัดระวังและให้คุ้มค่ามากที่สุด" |
. |
. |
ด้านน้องนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บอกว่า "การมาเยี่ยมชมการผลิตกระดาษของดั๊บเบิ้ล เอ ในครั้งนี้ทำให้รับรู้ถึงขั้นตอนการผลิตกระดาษเริ่มตั้งแต่ยังเป็นต้นกล้าเล็กๆ รวมทั้งได้รับรู้ว่าตัวเราเองก็สามารถช่วยลดการตัดไม้ทำลายป่าได้ด้วยการใช้กระดาษที่ผลิตจากไม้ปลูกจากเกษตรกรได้ เพราะนอกจากจะไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังสามารถสร้างออกซิเจนให้กับชั้นบรรยากาศได้ด้วยการปลูกต้นกระดาษขึ้นมาทดแทน" |
. |
นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ร่วมเดินทางไปกับกิจกรรม "ท่องปราจีนชมแหล่งกำเนิดกระดาษจากไม้ปลูก" กล่าวว่า “ถือเป็นสิ่งที่ดีที่ได้มาดูขั้นตอนการผลิตกระดาษ ทำให้รู้ถึงคุณค่าของกระดาษมากขึ้น เพราะจากที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าขั้นตอนการผลิตกระดาษจะต้องทำอย่างไร และใช้วัตถุดิบอะไรบ้าง รวมทั้งไม่รู้ว่ากระดาษสามารถผลิตได้จากไม้ปลูกของเกษตรกรไม่ใช่มาจากไม้จากป่าธรรมชาติ ซึ่งการมาในครั้งนี้ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากเพราะนอกจากจะได้ไอเดียในการผลิตสื่อที่จะส่งเข้าประกวดแล้ว ยังทำให้ได้รับรู้ว่าตัวเราเองสามารถร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ ด้วยการใช้กระดาษอย่างประหยัดและใช้กระดาษจากไม้ปลูกของเกษตรกร" |
. |
. |
สำหรับการประกวด "สื่อรณรงค์" การใช้กระดาษจาก "ไม้ปลูก" ได้เปิดโอกาสให้กับเยาวชน ทั้งระดับมัธยมศึกษา อุดมศึกษา และประชาชนทั่วไป ได้ร่วมส่งผลงานเข้าประกวด โดยแบ่งการประกวดออกเป็น 3 ประเภท คือ 1.การออกแบบโปสเตอร์ 2.หนังโฆษณา และ 3.การออกแบบสกรีนลายเสื้อยืด โดยทุกผลงานจะต้องมีเนื้อหาที่รณรงค์การใช้กระดาษจากไม้ปลูก และสามารถกระตุ้นให้ผู้ที่ได้รับสื่อตระหนักถึงการใช้กระดาษอย่างถูกต้อง และเข้าใจได้ว่า มีกระดาษที่ผลิตจากไม้ปลูกของเกษตรกร เป็นทางเลือกใหม่ในการดูแลสิ่งแวดล้อม |
. |
การมาร่วมกิจกรรมของผู้เข้าประกวดในครั้งนี้ นอกจากจะนำข้อมูลที่ได้รับไปปรับใช้หรือนำไปเป็นแนวคิดในการผลิตสื่อที่จะส่งเข้าประกวดแล้ว ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังจะได้สัมผัสไม้ปลูกของเกษตรกร ที่สามารถนำมาผลิตกระดาษได้ โดยไม่ต้องใช้ไม้จากป่าอีกต่อไป อย่างไรก็ตามกระดาษที่ผลิตได้จากทั่วโลกถึงร้อยละ 71 ก็ยังต้องใช้ไม้จากป่าธรรมชาติ ดังนั้น ขอให้เราทุกคนรู้จักการใช้กระดาษอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และร่วมกันเลือกใช้กระดาษที่ผลิตจากไม้ปลูกกันเถอะ เพื่อลดปริมาณการตัดป่าไม้ของโลก แถมยังช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรของไทยอีกด้วย |
. |
คุณชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ นำตัวแทนมหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยรังสิต และ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ผู้เข้าร่วมประกวดโครงการประกวด "สื่อรณรงค์" การใช้กระดาษจาก "ไม้ปลูก" เยี่ยมชมการผลิตกระดาษคุณภาพดั๊บเบิ้ล เอ ตั้งแต่การเพาะปลูกต้นกล้ากระดาษจากไม้ปลูกของเกษตรกรไทย จนถึงกระบวนการ |
. |
อีสานอีกแหล่งกำเนิดกระกาษดั๊บเบิ้ล เอ |
พัฒนาการของกระดาษที่ใช้ในปัจจุบันนั้นมาจากต้นยูคาลิปตัสที่ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์การเกษตร และมีการเพาะเลี้ยงลำต้นให้แข็งแรงก่อนที่จะมีการจำหน่ายปลีกและส่งไปยังเกษตรกรเพื่อทำการเพาะปลูกต่อไปตามหัวไร่ คันนา เพื่อให้สายพันธุ์ยูคาลิปตัสมีความแข็งแกร่ง ทนทานต่อโรค ทนแมลง มีน้ำหนักดี โตเร็ว เนื้อแน่น และสามารถนำมาทำเป็นกระดาษที่มีคุณภาพสูง เป็นเส้นใยและเยื่อกระดาษที่แข็งแกร่ง กระดาษในปัจจุบันไม่ได้ทำมาจากต้นไม้ในป่าใหญ่อีกต่อไป |
. |
การพัฒนาสายพันธุ์ต้นกระดาษดับเบิ้ล เอ มีการปรับให้มีความเหมาะสมกับลักษณะของดินแต่ละพื้นที่โดยเฉพาะ และสำหรับการปลูกแบบแปลงในเชิงพาณิชย์ เกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นกระดาษดับเบิ้ล เอ สามารถปลูกร่วมกับพืชอื่น ๆ ได้ในลักษณะไร่นา สวนผสม เป็นการใช้พื้นที่ว่างให้เกิดประโยชน์ สามารถปลูกได้ตามพื้นที่ว่างของเกษตรกร |
. |
นักข่าวเนเธอแลนด์ เยี่ยมชม ต้นกระดาษดั๊บเบิ้ล เอ |
. |
คุณสมบัติของต้นกระดาษดับเบิ้ล เอ นั้น มีลำต้นที่โตเสมอกันทุกต้น ลำต้นตรง ริดกิ่งเองตามธรรมชาติ มีลักษณะพิเศษอื่น ๆ เข่น มีตาไม้น้อย เปลือกบาง เนื้อแน่น เหมาะแก่กี่ผลิตกระดาษคุณภาพและเกษตรกรสามารถมีรายได้มากกว่าการปลูกพืชอื่น ๆ นอกจากขั้นตอนการนำต้นกล้ามาลงดิน ใส่ปุ๋ย เกษตรกรต้นกระดาษดับเบิ้ล เอ ไม่มีความจำเป็นต้องรดน้ำ ดูแลอย่างใกล้ชิด เพียงแต่เอาใจใส่เรื่องโรคหรือแมลงบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น เกษตรกรกรเพียงแต่รอความใหญ่ของต้นกระดาษดับเบิ้ล เอ ให้ได้ที่เส้นผ่านศูนย์กลางที่ 2.5 นิ้ว หรือเวลาเพาะปลูกราว 4-5 ปี ก็สามารถตัดขายได้แล้ว |
. |
เมื่อเปรียบเทียบกับพืชเศรษฐกิจชนิดอื่น ๆ เช่นมันสำปะหลังและอ้อยแล้ว การดูแลจัดการต้นกระดาษดับเบิ้ล เอ ไม่ยุ่งยากไม่ซับซ้อน ปีละไม่เกิน 4-5 ครั้ง เมื่อเทียบกับการที่จะต้องจัดการแปลงตลอดระยะเวลาการปลูกมัน และอ้อย ความต้องการของกระดาษและเยื่อกระดาษคุณภาพของตลาดมีสูงอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้นทุกปี เกษตรกรสามารถปลูกต้นกระดาษดับเบิ้ล เอได้ในทุกพื้นที่ |
. |
พบว่ามีเกษตรกรทั่วประเทศกว่าล้านครอบครัวที่เข้าร่วมโครงการปลูกต้นกระดาษดับเบิ้ล เอ ทำให้เกิดการสร้างงาน และสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่ครอบครัว เกิดรายได้หมุนเวียนในทุกกระบวนการกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี เกษตรกรที่เข้าเป็นสมาชิกสามารถขายในราคาประกันได้ โดยมีราคาประกันรับซื้อขั้นต่ำหน้าโรงงานกระดาษดับเบิ้ล เอ 1,200 บาทต่อตัน (1 ต้นของต้นกระดาษดับเบิ้ล เอ ที่เพาะปลูกมาแล้ว 4 ปีหรือเส้นผ่านศูนย์กลางที่ 2.5 นิ้วจะ มีน้ำหนักเฉลี่ยที่ 100 กิโลกรัม) |
. |
นอกจากนี้ทางบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ ได้มีการส่งเสริมให้เกษรตรกรไทยมีรายได้เสริมนอกเหนือจากการปลูกข้าว โดยการแนะนำให้ปลูกต้นกระดาษดั๊บเบิ้ล เอ ตามหัวไร่คันนา และยังเป็นการใช้พื้นที่ว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้งยังมีการการันตรีรายได้ที่มั่นคงด้วยราคาประกัน เพื่อคลายความกังวลเรื่องความผันผวนเรื่องราคา กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการประกันราคากับบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ |
. |
. |
นายจั่น วิเลิศเกษตรกร อายุ 74 อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ที่ได้รับการส่งเสริมให้ปลูกต้นกระดาษดั๊บเบิ้ล เอ ตามหัวไร่คันนา โดยได้รับต้นกล้ากระดาษดั๊บเบิ้ล เอ จำนวน 50 ต้นในการทดลองปลูก ซึ่งได้ผลดีกว่า การปลูกแบบใช้เมล็ดทั่วไป คือ ต้นกระดาษดั๊บเบิ้ล เอ จะให้ลำต้นที่ตรง เติบโตเร็ว มีการริดกิ่งเองตามธรรมชาติ ซึ่งขณะนี้ตนได้ปลูกมาเป็นเวลานานกว่า 3 ปีแล้ว และคาดว่าจะสามารถตัดขายได้ตามที่ราคาบริษัทประกันไว้ คือ 800 บาทต่อตัน นายบุญเหลือกล่าวว่า |
. |
เดิมเคยปลูกแบบใช้เมล็ดซึ่งให้ผลผลิตไม่ค่อยดี เป็นโรคง่าย ลำต้นแกรน เล็ก ภายหลังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทฯ ให้มีการปลูกต้นกระดาษดับเบิ้ล เอ จึงเห็นความแตกต่างทั้งผลผลิตและรายได้ที่มั่นคงขึ้น ประกอบกับความเสี่ยงเรื่องตลาดก็ลดลงมาก นายบุญเหลือจะมีรายได้เสริมจากการปลูกต้นกระดาษดับเบิ้ล เอ ต่อปีอยู่ที่ขั้นต่ำ 35,000บาท เพิ่มพูนจากรายได้หลักจากการทำนาและให้เช่าที่เพื่อให้เกษตรกรนำวัวมากินหญ้า เดิมนายจั่น ทำนา ปลูกผัก เลี้ยงปลาดุก ปลาช่อนไว้ขาย และไว้ รับประทานในครัวเรือน |
. |
นายบุญเหลือ สีสมบา เกษตรกรอายุ 47 ปี อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด ก็เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรไทยที่ได้เข้าร่วมกับโครงการของบริษัท จึงได้รับต้นกล้ากระดาษดั๊บเบิ้ล เอ มาปลูกตามหัวไร่ คันนาของตน และยังได้แบ่งให้กับเพื่อนบ้านทดลองปลูกด้วย โดยปลูกมาเป็นระยะเวลานานกว่า 3 ปี และได้มีผู้มาขอเหมาซื้อทั้งหมด 40 ต้น โดยให้ราคา 7,000 บาท แต่ตนไม่ขาย เนื่องจากตนจะเก็บไว้ขายให้กับทางบริษัทฯ ที่ให้การสนับสนุน |
. |
จากรายได้เสริมของการปลูกต้นกระดาษดับเบิ้ล เอ แล้วนายบุญเหลือมีรายได้จากการปลูกกล้วย ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว และเก็บเห็ดขาย นายบุญเหลือกล่าวว่าต้นกระดาษดับเบิ้ล เอ มีความทนทานต่อโรคดีมาก โตเร็ว ไม่มีความเสี่ยงต่อสภาวะอากาศ ฝน หรือความแล้งเช่นข้าว |