มร.ริชาร์ด เจ. เครเมอร์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท กู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ จำกัด แถลงผลประกอบการประจำไตรมาส 2 และช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559
มร.ริชาร์ด เจ. เครเมอร์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า "เราสามารถเพิ่มยอดจำหน่ายและสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้สูงขึ้น เพิ่มอัตรากำไรจากการดำเนินงานได้เกินกว่าร้อยละ 11 ในหน่วยธุรกิจทั้ง 3 หน่วย ปัจจัยสำคัญในภาคอุตสาหกรรมนี้ ยังเป็นที่น่าพอใจในตลาดการค้าหลักของเรา ในขณะที่ความต้องการในยางเสริมประสิทธิภาพระดับพรีเมี่ยมของเรา ยังเป็นไปอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยเราให้ความสำคัญกับการบริหารงานตาม
กลยุทธ์ทางธุรกิจ และการบรรลุเป้าหมายทางการเงินของเราให้สำเร็จ"
ทั้งนี้ ยอดขายของกู๊ดเยียร์ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2559 อยู่ที่ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ทำรายได้อยู่ที่ 4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งสาเหตุเกิดจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลของต่างประเทศที่ไม่น่าพอใจ ยอดขายของยางมอเตอร์ไซค์ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ และการไม่นับรวมผลประกอบการของประเทศเวเนซุเอลา
ในส่วนของยอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 41.5 ล้านเส้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 ซึ่งเกิดจากการเติบโตทางธุรกิจ ทั้งในทวีปเอเชียแปซิฟิก ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา โดยที่ปริมาณการจำหน่ายยางรถยนต์ในตลาดยางรถยนต์ทดแทน (Replacement) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายยางรถยนต์กู๊ดเยียร์ในตลาดยางติดรถ (Original Equipment) ลดลงร้อยละ 4
รายได้สุทธิของกู๊ดเยียร์ในไตรมาส 2 ของปี 2559 มีมูลค่า 202 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (75 เซ็นต์ต่อหุ้น) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มูลค่า 192 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (70 เซ็นต์ต่อหุ้น) โดยมีผลสืบเนื่องจากการลดหย่อนของภาษีเงินได้ ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการปรับปรุงพิเศษอื่นๆ รายได้สุทธิที่มีการปรับแล้วในไตรมาส 2 ของปี 2559 มีมูลค่า 314 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (1.16 เหรียญสหรัฐฯต่อหุ้น) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ที่มูลค่า 229 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (84 เซ็นต์ต่อหุ้น) ราคาต่อหุ้นปรับตัวลดลง
ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน
รายได้จากการขายของกู๊ดเยียร์หลังสิ้นสุดหกเดือนแรกของปี 2559 มีมูลค่า 7.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปี 2558 ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการเปลี่ยนแปลงอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลของต่างประเทศที่ไม่น่าพอใจ มูลค่าถึง 225 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการไม่นับรวมผลประกอบการของประเทศเวเนซุเอลา
ในส่วนของยอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 83 ล้านเส้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 ซึ่งเกิดจากการเติบโตทางธุรกิจในทวีปเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นและจีน โดยที่ปริมาณการจำหน่ายยางรถยนต์ในตลาดยางรถยนต์ทดแทน (Replacement) เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายยางรถยนต์กู๊ดเยียร์ในตลาดยางติดรถ (Original Equipment) ลดลงร้อยละ 1 ทั้งนี้ หากไม่รวมถึงผลกระทบจากการไม่นับรวมผลประกอบการของประเทศเวเนซุเอลา ยอดจำหน่ายยางรวมจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3
รายได้สุทธิตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันของกู๊ดเยียร์มีมูลค่า 386 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (1.43 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น) ลดลงเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2558 ที่มูลค่า 416 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (1.52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น) อันเป็นผลมาจากรายได้ประเภทครั้งเดียว (one-time gain) ที่มีมูลค่า 155 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (99 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังการหักภาษี) จากรายได้ค่าลิขสิทธิ์รอตัดบัญชีในปี 2558 ทั้งนี้ ราคาต่อหุ้นทั้งหมดมีการปรับตัวลดลง
กู๊ดเยียร์ได้รายได้จากการดำเนินงานในแต่ละหน่วยอยู่ที่ 950 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในครึ่งปีแรกของ 2559 เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนซึ่งมีมูลค่า 938 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อันเป็นผลมาจากราคาสุทธิวัตถุดิบต่างๆ และยอดจำหน่ายยางที่เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ผลงานดังกล่าวที่เติบโตขึ้น อาจได้รับผลกระทบบ้างเล็กน้อยจากการไม่นับรวมผลประกอบการของประเทศเวเนซุเอลา รายได้จากการดำเนินงานในแต่ละหน่วยที่สำคัญ โดยไม่รวมประเทศเวเนซุเอลา มีมูลค่า 880 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558
ในทวีปเอเชียแปซิฟิก รายได้จากการขายของกู๊ดเยียร์ในไตรมาส 2 ของปี 2559 เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เป็นมูลค่า 528 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ รายได้จากการขายได้สะท้อนถึงยอดจำหน่ายยางที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 อันเป็นผลลัพธ์มาจากการเติบโตทางธุรกิจในญี่ปุ่นและจีน แต่อย่างไรก็ตาม ผลงานดังกล่าวที่เติบโตขึ้น อาจได้รับผลกระทบบ้างเล็กน้อยจากการเปลี่ยนแปลงอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลของต่างประเทศที่ไม่น่าพอใจ โดยที่ปริมาณการจำหน่ายยางรถยนต์ในตลาดยางรถยนต์ทดแทน (Replacement) เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายยางรถยนต์กู๊ดเยียร์ในตลาดยางติดรถ (Original Equipment) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1