บริษัทซีเกท เทคโนโลยี แจงผลประกอบการสูงกว่าการคาดการณ์ประจำไตรมาส 4 การเงินเติบโตร้อยละ 23 โดยจัดส่งดิสก์ไดร์ฟจำนวน 39 ล้านตัวในไตรมาสนี้ และ 159 ล้านตัวตลอดทั้งปีการเงิน
"ซีเกท เทคโนโลยี แจงยอดรายรับและผลประกอบการสูงกว่าการคาดการณ์ประจำไตรมาส 4 มีผลประกอบการประจำปีการเงินเติบโตร้อยละ 23 โดยจัดส่งดิสก์ไดร์ฟจำนวน 39 ล้านตัวในไตรมาสนี้ และ 159 ล้านตัวตลอดทั้งปีการเงิน" |
. |
บริษัทซีเกท เทคโนโลยี รายงานยอดการจัดส่งดิสก์ไดร์ฟจำนวน 39.2 ล้านตัว ยอดรายรับ 2,740 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรสุทธิที่ได้รับการรับรองทางด้านบัญชี จำนวน 541 ล้านเหรียญสหรัฐ และกำไรต่อหุ้น 96 เซ็นต์ สำหรับไตรมาสที่สิ้นสุด ณ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 กำไรสุทธิและกำไรต่อหุ้นดังกล่าวได้รวมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการตัดค่าเสื่อมของสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนซึ่งบริษัทได้ซื้อมาและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เกี่ยวกับการควบกิจการแม็กซ์ตอร์(Maxtor) และอีวอลต์ (EVault) จำนวน 27 ล้านเหรียญสหรัฐ หากไม่รวมค่าใช้จ่ายดังกล่าว บริษัทจะมีกำไรสุทธิที่ยังไม่ได้รับรองทางด้านบัญชี จำนวน 568 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีกำไรต่อหุ้น 1.01 เหรียญสหรัฐ |
. |
สำหรับผลประกอบการทางการเงิน ในระยะเวลาสิบสองเดือนซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ซีเกทรายงานยอดการจัดส่งดิสก์ไดร์ฟจำนวน 159.2 ล้านตัว ยอดรายรับ 11,400 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรสุทธิที่ได้รับการรับรองทางด้านบัญชี จำนวน 913 ล้านเหรียญสหรัฐและกำไรต่อหุ้น 1.56 เหรียญสหรัฐ กำไรสุทธิและกำไรต่อหุ้นที่ได้รับการรับรองทางด้านบัญชีดังกล่าว ได้รวมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการตัดค่าเสื่อมสิ้นของสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน (intangible amortization) ซึ่งบริษัทได้ซื้อมาและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เกี่ยวกับการควบกิจการแม็กซ์ตอร์และอีวอลต์ จำนวน 241 ล้านเหรียญสหรัฐ ค่าธรรมเนียม จำนวน 19 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการชำระตั๋วเงินที่จ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 8 หากไม่รวมค่าใช้จ่ายดังกล่าว บริษัทจะมีกำไรสุทธิที่ยังไม่ได้รับรองทางด้านบัญชี จำนวน 1,170 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีกำไรต่อหุ้น 2 เหรียญสหรัฐ |
. |
รายการที่ไม่เกี่ยวกับการดำเนินงานที่รวมอยู่ในกำไรสุทธิที่ได้รับการรับรองทางด้านบัญชีและกำไรสุทธิที่ยังไม่ได้รับรองทางด้านบัญชีสำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2550 และปีการเงิน 2007 มีดังต่อไปนี้ ผลประโยชน์ที่ได้รับ จำนวน 359 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสะท้อนให้เห็นผลต่างที่น่าพอใจต่อจำนวนเงินที่ตั้งไว้สำหรับการขาดทุนสุทธิที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น เนื่องจากราคาทุนสูงกว่าราคาตลาดรวมซึ่งเกี่ยวข้องกับภาษีสินทรัพย์รอตัดบัญชีของซีเกท ค่าใช้จ่ายสำหรับการปรับโครงสร้างองค์กรที่กำลังดำเนินการอยู่ จำนวน 29 ล้านเหรียญสหรัฐ และการลดมูลค่าการลงทุนในหลักทรัพย์ จำนวน 4 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถูกสะท้อนให้เห็นในกำไรและรายจ่ายอื่น ๆ |
. |
"ผลประกอบการทางการเงินของเราทั้งปี และในไตรมาสนี้แสดงให้เห็นความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมการบันทึกดิจิตอลและผลกระทบในแง่บวกของขั้นตอนเชิงกลยุทธ์ที่มีความสำคัญต่าง ๆ ที่เราทำเพื่อรักษาและเพิ่มความเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมของเรา” นายบิล วัทกินส์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของซีเกท (Bill Watkins, Seagate chief executive officer) กล่าว “เรายังคงเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมในด้านเทคโนโลยีและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ ๆ สำหรับตลาดทุกตลาด รวมทั้งผลิตภัณฑ์ระดับชั้นนำของอุตสาหกรรมที่มีความจุสูง ส่วนแบ่งตลาดของเรากำลังเพิ่มขึ้น ยอดรายรับและปริมาณการจัดส่งดิสก์ไดร์ฟของเราเหนือชั้นกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรม และเรายังคงตื่นเต้นเกี่ยวกับโอกาสต่าง ๆ ที่รอคอยเราอยู่ข้างหน้า" |
. |
การปรับปรุงตัวเลขของกำไรสุทธิที่ได้รับการรับรองทางด้านบัญชีและกำไรสุทธิต่อหุ้นมีอยู่ในผลประกอบการทางการเงินที่รวมอยู่กับข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ ท่านสามารถพบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลประกอบการทางการเงินสำหรับไตรมาสที่ 4 ปีการเงิน 2007 ทางออนไลน์ที่ seagate.com |
. |
สำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนกันยายน ซีเกทคาดว่าจะมีรายรับ 2,900-3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีกำไรต่อหุ้นที่ได้รับการรับรองทางด้านบัญชี ประมาณ 35 – 39 เซ็นต์ หากไม่รวมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการตัดค่าเสื่อมสิ้นของสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน ซึ่งบริษัทได้ซื้อมาและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เกี่ยวกับการควบกิจการแม็กซ์ตอร์และอีวอลต์ จำนวน 27 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทจะมีกำไรต่อหุ้นที่ยังไม่ได้รับรองทางบัญชีสำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนกันยายนประมาณ 40 – 44 เซ็นต์ การคาดการณ์นี้ไม่ครอบคลุมผลกระทบของการควบกิจการ การซื้อหุ้นคืนหรือการปรับโครงสร้างองค์กรใด ๆ ที่บริษัทอาจจะกระทำในอนาคต |
. |
บริษัทได้ประกาศจะจ่ายเงินปันผลประจำไตรมาส จำนวน 10 เซ็นต์ต่อหุ้น ซึ่งจะจ่ายก่อนหรือภายในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2550 แก่ผู้ถือหุ้นสามัญทุกรายตามบัญชีผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2550ระหว่างไตรมาสที่สิ้นสุด ณ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 บริษัทได้ซื้อและรับหุ้นสามัญคืนประมาณ 9.7 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยของหุ้นที่บริษัทได้ซื้อคืนในไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนมิถุนายน เท่ากับ 20.76 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ทั้งนี้ บริษัทมีอำนาจในการซื้อหุ้นคืนประมาณ 975 ล้านเหรียญสหรัฐภายใต้โปรแกรมการซื้อหุ้นคืน |