ดร.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าการยกร่างพระราชบัญญัติใหม่ของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาว่า “ที่ผ่านมากองทุนมีความพยายามที่จะปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานและการติดตามหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดทางกฎหมายบางประการจึงไม่อาจบรรลุวัตถุประสงค์เท่าที่ควรได้ ทำให้กองทุนต้องพึ่งพาเงินงบประมาณแผ่นดินจากรัฐบาลในแต่ละปีเป็นจำนวนมากในการจัดสรรให้กู้ยืม เป็นผลให้กองทุนต้องยกร่าง พ.ร.บ. ใหม่ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับผู้กู้ยืม และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทั้งด้านการให้กู้ยืมและติดตามหนี้
กองทุนโชคดีที่ท่านนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) ให้การสนับสนุนในการผลักดันกองทุนให้มีกฎหมายใหม่ โดยได้กรุณามอบแนวนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหากองทุนทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพ ให้มีการกู้และการนำส่งคืนเงินอย่างรัดกุม เหมาะสม รวมทั้งไม่ให้เกิดปัญหาซับซ้อนในการกู้ยืม และให้บรรจุกฎหมายใหม่ของกองทุนเป็นกฎหมายเร่งด่วนตามบัญชีร่างกฎหมายเร่งด่วนชุดที่ 2 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2559 โดยกฎหมายใหม่ได้กำหนดให้นายจ้างมีหน้าที่หักเงินเดือนและค่าจ้างนำส่งกรมสรรพากร พร้อมกับการนำส่งภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย เพื่อชำระคืนกองทุน และเพิ่มอำนาจหน้าที่ให้กองทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้กู้ยืม เพื่อช่วยป้องกันความเสี่ยงให้กับผู้กู้ยืมที่จะไม่ต้องเสียเบี้ยปรับกรณีค้างชำระ หรือต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดีกรณีที่ค้างชำระเป็นเวลานาน ร่างกฎหมายดังกล่าวขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 2560
นอกจากนี้รัฐบาลยังช่วยผลักดันนโยบายต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างวินัยและความรับผิดชอบให้เกิดขึ้นในสังคมไทย จนมีผู้กู้ยืมนำเงินมาชำระหนี้ในวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก อันส่งผลให้กองทุน กยศ. และกองทุน กรอ. สามารถที่จะพึ่งพางบประมาณแผ่นดินน้อยลงมากในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560” ผู้จัดการกองทุนฯ กล่าวในที่สุด
รูปและที่มาข่าว : กระทรวงการคลัง