บ๊อช ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเทคโนโลยีและการบริการชั้นนำของโลก ปิดงบการเงินปี 2558 ได้อย่างสวยงามด้วยยอดขายรวมในประเทศไทยมูลค่า 10.8 พันล้านบาท (285 ล้านยูโร) คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
มร.โจเซฟ ฮง กรรมการผู้จัดการบ๊อช ประเทศไทย กล่าวว่า "ปัจจุบันประเทศไทยก็ยังคงเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับบ๊อช เราคาดการณ์ว่าความต้องการผลิตภัณฑ์และการบริการต่างๆ จากบ๊อชจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ" นอกจากนี้ยังกล่าวเสริมด้วยว่า "บ๊อชเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างความแตกต่างให้กับประเทศไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2466 ด้วยความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนา "เทคโนโลยีเพื่อชีวิต"
ในปีพ.ศ. 2558 บ๊อชมีพนักงานในประเทศไทยกว่า 1,100 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในปีพ.ศ. 2559 ตามธุรกิจที่ขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การพัฒนาธุรกิจของบ๊อชในประเทศไทย
ผลผลิตจากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปีพ.ศ. 2558 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อันเป็นผลมาจากการเติบโตของตลาดส่งออก แม้ว่ายอดขายในประเทศ
จะลดลงก็ตาม อย่างไรก็ดี ธุรกิจโซลูชั่นแห่งการขับเคลื่อน (Mobility Solutions) ของบ๊อชในไทยมียอดขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่มาจากยอดขายของแผนกระบบแชสซี (Chassis Systems)
ธุรกิจเทคโนโลยีอุตสาหกรรมมีการขยายงานด้านระบบไฮดรอลิกและโซลูชั่นบรรจุภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมในปี 2558 จึงคาดว่าจะมีแนวโน้มของผลการดำเนินงานในทางบวกในปีพ.ศ. 2559 นี้ ในขณะที่ยอดขายจากกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในประเทศในปีที่ผ่านมา แต่กลุ่มธุรกิจด้านพลังงานและเทคโนโลยีการก่อสร้างของบริษัทมีทิศทางที่ดี เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลได้อนุมัติโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานสำคัญๆ ในช่วงครึ่งปีหลังของปีพ.ศ. 2558
บ๊อชทุ่มทุนกว่า 1 พันล้านบาท (26 ล้านยูโร) สร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ในไทย
บ๊อชยังคงเชื่อมั่นในภาพรวมของตลาดไทยว่าจะยังเป็นศูนย์กลางด้านยานยนต์ต่อไป โดยได้ประกาศแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตระบบหัวฉีดเชื้อเพลิง (gasoline injection system) ซึ่งถือเป็นแห่งแรกในไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน บ๊อชมีโรงงานผลิตระบบหัวฉีดเชื้อเพลิง 7 แห่งทั่วโลก โดยมี 3 แห่งตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย (จีน ญี่ปุ่น และไทย) ในปีพ.ศ. 2559 บ๊อชมีแผนลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท ในการสร้างโรงงานแห่งนี้รวมทั้งโครงสร้างขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง เมื่อแล้วเสร็จ โรงงานแห่งใหม่นี้จะช่วยให้บริษัทผลิตหัวฉีดเชื้อเพลิงได้ถึง 1 ล้านเครื่องต่อปี โดยจะเริ่มการผลิตได้ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2560 ซึ่งการพัฒนาธุรกิจครั้งนี้ คาดว่าจะสร้างงานได้มากกว่า 800 ตำแหน่งภายในสิ้นปีหน้า “โรงงานแห่งใหม่นี้จะช่วยตอบสนองอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าในภูมิภาคนี้ และจะช่วยสร้างอาชีพให้กับคนไทยอีกด้วย" มร.ฮง กล่าว
ศูนย์วิจัยและพัฒนายานยนต์แห่งใหม่
นอกจากการก่อสร้างโรงงานผลิตระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงแห่งแรกในไทยแล้ว บ๊อชยังได้วางแผนจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาที่นี่ด้วย เพื่อพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจด้านยานยนต์และโมบิลิตี้โซลูชั่นของบริษัทให้รุดหน้า มร. โจเซฟ ฮง กล่าวว่า "ศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งนี้จะดึงเอาวิศวกรที่มีความสามารถจากหลากหลายแขนง โดยเฉพาะสาขาวิศวกรรมยานยนต์และเครื่องกลให้เข้ามาร่วมงานกับเรา" นี่จึงเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งแรกของบ๊อชในเมืองไทย ตอกย้ำถึงความสำคัญของประเทศไทยต่อกลุ่มบริษัทบ๊อช
บ๊อชยังยึดมั่นในหลักการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน
ตลอดปีที่ผ่านมา บ๊อชยังคงสานต่อความมุ่งมั่นที่มีมาอย่างยาวนาน ในการมอบโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาส และช่วยให้เด็กๆ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น บริษัทได้ให้การสนับสนุน “มูลนิธิมือต่อมือ (Hand-to-Hand Foundation)” ในพัทยา ในการให้การศึกษาแก่เด็กนักเรียนที่ด้อยโอกาส นอกจากนี้ บ๊อชยังได้สนับสนุน
”มูลนิธิทักษะเพื่อชีวิต (Skills for Life Foundation)” ในเชียงใหม่ โดยสนับสนุนให้เยาวชนชาวเขาสามารถพึ่งพาตนเองและหาเลี้ยงชีพอย่างพอเพียงได้ ด้วยการมอบอุปกรณ์เครื่องครัวที่จำเป็น อาทิ เตาอบ ไมโครเวฟ และตู้เย็น ซึ่งกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานในกิจกรรมระดมทุนของมูลนิธิ ขณะเดียวกัน บ๊อชเห็นว่าทักษะทางวิชาชีพต่างๆ กำลังเป็นที่ต้องการมากขึ้นในตลาดแรงงาน จึงร่วมกับมูลนิธิพระดาบส ซึ่งสนับสนุนการพัฒนาทักษะอาชีพต่างๆ ในการร่วมพัฒนาหลักสูตรวิชาชีพ ที่ตอบสนองต่อความต้องการในตลาด นอกจากนี้ บ๊อชยังได้ร่วมมือกับหอการค้าเยอรมัน–ไทยในการส่งเสริมการพัฒนาเยาวชนและการศึกษาผ่านโครงการเยอรมัน-ไทยเพื่อความเป็นเลิศในการศึกษาทวิภาคี (German-Thai Dual Excellence Education program) อีกด้วย
ภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทบ๊อชทั่วโลกในปีพ.ศ. 2559
จากผลการดำเนินงานที่ดีเยี่ยมในปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทบ๊อชเชื่อมั่นว่ายังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยคาดว่ายอดขายทั่วโลกในปีพ.ศ.2559 จะเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3-5 หลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว มร. โวคมาร์ เดนเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบ๊อช กล่าวในงานแถลงผลประกอบการประจำปีที่เยอรมนีว่า "เราไม่เพียงตั้งเป้าการเติบโตในส่วนของผลิตภัณฑ์นวัตกรรม แต่ยังรวมถึงบริการที่ล้ำหน้าด้วยนวัตกรรม" ในด้านธุรกิจการเชื่อมต่อ (Connectivity Business) บ๊อชได้เน้นไปที่ 3S ได้แก่ อุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณหรือเซนเซอร์ (Sensor) ซอฟต์แวร์ (Software) และการบริการ (Service) โดยบริษัทได้ให้บริการที่เชื่อมโยงต่อเนื่องครบวงจร (connected services) มากขึ้น ต่อยอดจากฐานธุรกิจฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่จำนวนมาก ดังนั้น บ๊อชจึงไม่เพียงแต่ใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางเทคโนโลยี แต่ยังรวมถึงความเชี่ยวชาญที่ครอบคลุมสาขาเฉพาะหรือธุรกิจเฉพาะด้านต่างๆ ด้วย แผนกใหม่ด้านโซลูชั่นการให้บริการระดับโลก (Global Service Solutions division) จึงก่อกำเนิดขึ้นในช่วงต้นปีนี้ เพื่อตอบรับต่อแนวทางดังกล่าว โดยให้บริการระบบคลาวด์สำหรับ Internet of Things (Bosch IoT Cloud) รวมทั้งระบบบ้านอัจฉริยะ (Bosch Smart Home System)
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กลุ่มบริษัทบ๊อชมียอดขายเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา โดยมีมูลค่ารวม 7.3 แสนล้านบาท (1.92 พันล้านยูโร) คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (หรือร้อยละ 2.8 หลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน) ทั้งนี้ ยอดขายรวมของภูมิภาคคิดเป็นร้อยละ 27 จากยอดขายทั่วโลก ซึ่งยังคงเป็นสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา