ปัจจุบันในบรรดาประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทยนั้น ประเทศจีนถือเป็นประเทศที่น่าจับตามองอีกหนึ่งประเทศ เนื่องจากประเทศจีนมีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว มีพลวัตรสูงโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งยังเป็นคู่ค้าและตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย และเป็นพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ (Economic Powerhouse) ของภูมิภาคและของโลกที่ขยายตัว ด้วยอัตราเฉลี่ยร้อยละ 10 ต่อปี เป็นเวลาต่อเนื่องถึง 3 ทศวรรษ มีระดับรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นถึง 30 เท่าจาก 313 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2523 มาอยู่ที่ 9,260 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2557 (ที่มา: http://www.bot.or.th) และมี GDP เติบโตเป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐฯ (ที่มา: https://knoema.com) และเป็นศูนย์กลางการผลิตเพื่อส่งออกของเอเชียจนมีมูลค่าการส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยปัจจุบันประเทศจีนมีการปกครองแบ่งเป็น 22 มณฑล และมีประชากรมากกว่า 1,300 ล้านคน
ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในจำนวนมณฑลทั้งหมดของประเทศจีน มณฑลยูนนานถือว่ามีความใกล้ชิดกับประเทศไทยมากที่สุด ด้วยระยะทางจากด่านบ่อหานของยูนนาน ถึง ด่านเชียงของ จังหวัดเชียงราย มีระยะทางห่างกันเพียง 247 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง โดยใช้ทางหลวงคุนหมิง-กรุงเทพฯ (R3A) นอกจากนี้ ยูนนานยังมีทางหลวงเชื่อมโยงมณฑลตอนใน 7 สาย ถือเป็นหน้าด่านในการส่งออกสินค้าของไทยไปสู่เมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ได้แก่ จากยูนนานถึงเฉิงตูและฉงชิ่งใช้เวลาเดินทางเพียง 3-4 ชั่วโมง จากยูนนานถึงกว่างโจว ใช้เวลาเดินทางเพียง 6 ชั่วโมง จากยูนนานถึงเซี่ยงไฮ้ ใช้เวลาเดินทาง 8 ชั่วโมง และจากยูนานถึงปักกิ่ง ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 10 ชั่วโมง
จากเส้นทางเชื่อมโยงดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการส่งสินค้าไปจัดจำหน่ายในประเทศจีนผ่านทางมณฑลยูนนานได้มากขึ้น โดยล่าสุด กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ลงนามความร่วมมือกับศูนย์การค้าโมฮันจงฮุ่ย เป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลยูนนาน ในการกระจายสินค้าของไทยเข้าสู่ประเทศจีน โดย กสอ. ได้นำร่องคัดเลือกผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารแปรรูป ของผู้ประกอบการ 20 ราย ซึ่งประกอบไปด้วย ผลไม้สด ข้าวแปรรูป มะขามแปรรูป ขนมแปรรูป น้ำตาลกรวด น้ำตาลปี๊บ ครีมเทียม และกะทิผง เพื่อทดลองจำหน่ายสินค้าก่อน ซึ่งในครั้งนี้สินค้าของผู้ประกอบการไทย ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคชาวจีนเป็นอย่างมาก ทำให้มีมูลค่าการสั่งซื้อรวมกว่า 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าไทยที่มีแนวโน้มเติบโตในตลาดยูนนานสูง ได้แก่ สินค้าจำพวกอาหารแปรรูป ซึ่งสามารถแยกย่อยออกเป็น 3 ประเภท คือ เครื่องปรุงอาหาร ขนมขบเคี้ยว และผลไม้กระป๋อง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กสอ. ยังมีแผนการที่จะส่งเสริมผู้ประกอบการไทยในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มีโอกาสเติบโตในมณฑลยูนนาน อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงยังมีแผนดำเนินงานสร้างความร่วมมือกับเมืองคุณหมิง เมืองฉางฉู และเมืองฮาบิ้น โดยการนำผู้ประกอบการไทยออกงานงานแสดงสินค้าต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการขยายช่องทางการกระจายสินค้าให้ผู้ประกอบการไทย โดยคาดว่าความร่วมมือกับประเทศจีนในมิติต่าง ๆ นั้น จะเป็นการปูทางให้ผู้ประกอบการไทยได้มีบทบาทในเวทีการค้าของจีน และนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลต่อการขยายตัวของธุรกิจอุตสาหกรรมไทยอย่างต่อเนื่อง ดร.สมชาย กล่าวทิ้งท้าย
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ถนนพระราม 6 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0-2202-4414-17 หรือเข้าไปที่ www.dip.go.th หรือ www.facebook.com/dip.pr