โนเกียเปิดตัวการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์แพลทฟอร์มสวิทชิ่ง 1830 Photonic Service Switch (PSS) สามารถเพิ่มศักยภาพการส่งผ่านข้อมูล ของออปติคอลไฟเบอร์ขึ้นอีกสี่เท่า จึงสามารถให้ความเร็วได้มากกว่า 70 เทราบิตต่อวินาที เพื่อรองรับกับปริมาณการรับส่งข้อมูลบนเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กลุ่มผลิตภัณฑ์ 1830 PSS นี้ใช้ชิปเทคโนโลยี Photonic Service Engine รุ่นที่ 2 (PSE-2) จากโนเกีย เบลล์แล็ปส์ สามารถขยายความจของความยาวคลื่นและความยาวคลื่นต่อไฟเบอร์ขึ้นได้ถึงสองเท่า โดยมีส่วนช่วยให้ผู้ให้บริการพร้อมให้บริการรับส่งข้อมูลที่ความเร็วระดับ 100G เพื่อตอบสนองตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ให้บริการต่างมีความกดดันมหาศาลในการปรับขีดความสามารถของเครือข่ายของตนให้ตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ผู้ให้บริการระบบคลาวด์ และผู้ให้บริการข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ที่ล้วนต้องการความเร็วสูงและสามารถให้บริการ On-demand ในขณะที่ต้องทำกำไร ด้วยการลดค่าใช้จ่ายต่อบิตให้ต่ำลง บริษัทวิจัยอุตสาหกรรมโอวัมได้จัดทำเอกสารข้อเท็จจริงที่แสดงให้เห็นว่า การใช้งานพอร์ตเราเตอร์ที่มีความเร็ว 100G ในการเชื่อมโยงโครงข่ายระหว่างศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์เข้ากับเครือข่ายเมโทร และโครงข่ายของแอพพลิเคชั่น เป็นปัจจัยผลักดันให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพัฒนาความเร็วบริการที่ลูกค้าใช้งานจาก 10G เป็น 100G เพื่อให้ทันกับความต้องการในการรับส่งข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น
แต่ความจุเครือข่ายอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะตอบสนองต่อความต้องการแบนด์วิดธ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เครือข่ายในส่วนออปติคอลทรานสปอร์ตนั้นจำเป็นต้องรองรับทั้งแอปพลิเคชั่นทั่วๆ ไปและบริการที่มีการเปลี่ยนแปลงสูงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะต้องสามารถเริ่มต้นการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว และตั้งค่าได้ทันที โนเกียกำลังช่วยผู้ให้บริการรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ด้วยกลุ่มอุปกรณ์สวิทชิ่ง1830 PSS ที่มีความยืดหยุ่นอย่างไม่เคยมีมาก่อนด้วยการใช้ชิป PSE-2 ซึ่งเป็นชิปรุ่นใหม่ และนำเสนอ 1830 PSS-24x ซึ่งเป็นสวิทชิ่งสมรรถนะสูงสุด ระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรม ทั้งนี้ นวัตกรรมและแพลทฟอร์มเหล่านี้ช่วยให้ผู้ให้บริการให้บริการการรับส่งข้อมูลที่ส่วนทรานสปอร์ตที่ความเร็ว 100G ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มทุน
ออปติคอลชิปเซ็ตประสิทธิภาพสูงสุดและบริหารได้ตามต้องการ
PSE-2 เป็นชิปเซ็ตที่ได้รวมคุณสมบัติการทำงานด้านอิเล็กทรอ-ออปติกไว้เรียบร้อย นับเป็นชิปเซ็ตที่มีการผสานการทำงานขั้นสูงที่สุดในโลก ซึ่งจะช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายมีความสามารถที่จะบริหารความสมดุลระหว่างความจุ และการครอบคลุมของช่วงคลื่น รวมถึวการใช้ประโยชน์จากไฟเบอร์ทุกๆ เส้นในเครือข่ายของตนให้ได้มากที่สุดได้อย่างชาญฉลาด ทั้งนี้โนเกียได้ออกแบบ PSE-2 ออกมาสองรุ่นคือ
สวิทช์ Packet-OTN ที่สามารถปรับขนาดได้ดี สามารถให้ความยาวคลื่นที่มีประสิทธิภาพและสร้างความแตกต่างด้านบริการ
สวิทชิ่ง 1830 PSS-24x ใช้ชิปเซ็ท Transport Switching Engine (TSE) ที่ออกแบบโดยโนเกีย จึงเป็นแพลทฟอร์มสวิทชิ่งแบบมัลติเลเยอร์ Packet/OTN ที่สามารถปรับขนาดได้มากที่สุด ทั้งนี้ สวิทชิ่ง 1830 PSS-24x ที่ผสานการทำงานของสวิทช์ TSE กับ PSE-2 ซึ่งเป็นโคฮีเร้นท์อินเตอร์เฟซ จึงสามารถเป็นสวิทชิ่งขนาด 9.6 เทราบิตต่อครึ่งแร็ค สามารถขยายการทำงานได้ถึง 48 เทราบิตต่อแร็ค ซึ่งจะช่วยให้ผู้ให้บริการความหนาแน่นของบริการ มีประสิทธิภาพ และมีความยืดหยุ่นในระดับ 100G ในขณะที่ใช้พื้นที่น้อยลง 50% และใช้พลังงานน้อยกว่าสวิทช์ Packet/OTN รุ่นปัจจุบัน
ไลน์การ์ดแบบ DWDM ที่ยืดหยุ่นและมีศักยภาพมากถึง 500G
1830 PSS 500G DWDM Muxponder ขับเคลื่อนโดย PSE-2s ที่มีความสามารถในการปรับเปลี่ยนได้ ทำให้ผู้ให้บริการสามารถรองรับการส่งผ่านข้อมูลได้มาก, อีกทั้งยังมีความสามารถส่งผ่านข้อมูลในระยะไกลและมีความยืดหยุ่นในการใช้งานความยาวคลื่นได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้ยังให้การลงทุนของผู้ให้บริการในแพลทฟอร์ม 1830 PSS เป็นไปอย่างคุ้มค่า เนื่องจากสามารถอัพเกรดศักยภาพได้ทันที และใช้บริการความเร็ว 100G ได้ถึงห้าบริการต่อการ์ด ทั้งนี้ การ์ดขนาด 500G วางตลาดแล้วและกำลังติดตั้งให้ลูกค้าใช้งาน
โซลูชั่นการรับส่งข้อมูลแบบ DWDM กับศักยภาพที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว
โนเกียได้ขยายโซลูชั่น Wavelength Routing ซึ่งเป็นโซลูชั่นระดับแนวหน้าของวงการเพื่อรองรับ L Band wavelength ซึ่เป็นอุปกรณ์ที่สามารถรองรับความยาวคลื่นได้มากที่สุดในวงการ ด้วยการเพิ่มจำนวนความยาวคลื่นต่อไฟเบอร์ขึ้นเป็นสองเท่า โซลูชั่น 1830 PSS Ultra-Wideband Wavelength Routing ซึ่งเป็นการบูรณาการอินเตอร์เฟซ และ Colorless ของ PSE-2, Directionless, Contentionless เข้ากับเทคโนโลยี Flexgrid (CDC-F) ทำให้โซลูชั่นนี้กลายเป็นระบบ C+L band CDC-F รายแรกในอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยให้ผู้ให้บริการมีศักยภาพในบริหารชั้นเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ ได้อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
แดเนียล เมลเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ DE-CIX กล่าวว่า " DE-CIX เป็นศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตชั้นนำของโลก ประสบกับการรับส่งข้อมูลในช่วงสูงสุดที่มากกว่า 5 เทราบิตต่อวินาทีDE-CIX จึงเห็นความจำเป็นมากขึ้นในการเชื่อมต่อแบบไดนามิกระหว่าง 100G router ports เพื่อรับมือกับความต้องการแบนด์วิดธ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นโนเกียนำเสนอนวัตกรรมด้านออปติคอล คือ 1830 PSS 500G Muxponder ซึ่งสามารถตั้งโปรแกรมใหม่ได้อย่างรวดเร็วเมื่อต้องเพิ่มความจุและระยะของความยาวคลื่นที่หลากหลาย ความยืดหยุ่นอย่างไม่เคยมีมาก่อนบนการ์ดออปติคอลแบบเดี่ยวเช่นนี้ เป็นโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพสูง คุ้มทุน ซึ่งสามารถรองรับทั้ง Raw capacity ที่ 500G และระยะทาง Long haul ที่ 200G ได้เป็นอย่างดี"
รอน ไคลน์ หัวหน้านักวิเคราะห์ ระบบเครือข่ายอัจฉริยะของโอวัม กล่าวว่า “ผลจากงานวิจัยของเรา เป็นที่คาดว่าการที่ผู้ให้บริการใช้อีเธอร์เน็ตขนาด 100 กิกะบิตจะเป็นแรงผลักดันให้ผลิตภัณฑ์เราเตอร์ Core IP/MPLS เติบโตขึ้นประมาณ 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2563 ในที่สุดสิ่งนี้จะเป็นรากฐานในการปรับเปลี่ยนเครือข่ายของผู้ประกอบการ ซึ่งต่างก็มองหาโซลูชั่นที่จะรับมือกับความจุ ที่สูงขึ้นอย่างมากจากการการใช้งานของ 100G ที่เพิ่มขึ้นนี้ โนเกียได้รับมือกับเทรนด์นี้ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์เน็กซ์เจเนอเรชั่นคุณภาพสูง PSE-2 ซึ่ง เป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้ทุกๆ เลเยอร์ของเครือข่ายการรับส่งข้อมูลแบบออปติคอล (OTN) ปรับสเกลและมีความยืดหยุ่นขึ้นได้อีกมาก"
สเตอร์ลิง เพอร์ริน นักวิเคราะห์อาวุโสของ Heavy Reading กล่าวว่า "โนเกียได้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นการผสมผสานศักยภาพต่างๆ ไว้ด้วยกัน ในขณะที่เพิ่มความยืดหยุ่นและพัฒนาประสิทธิภาพให้กับระบบเครือข่ายการรับส่งข้อมูลแบบออปติคอล ที่สำคัญกว่านั้นสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยี แต่เป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่ออกสู่ตลาดแล้ว ในขณะที่ความก้าวหน้าของผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่นในกลุ่ม PSE-2 มีความสำคัญในตัวของมันเอง แต่ทั้งหมดล้วนเป็นการผสานความยืดหยุ่นของฟีเจอร์ต่างๆ ที่ครอบคลุมทั้ง 100G ไปถึง 200G ไปถึง 400G และครอบคลุมโครงข่ายในเมืองไปจนถึงการใช้งานในระยะทางไกล Long haul และไกลมากในระดับ Ultra long haul ซึ่งทำให้การเปิดตัว PSE-2 ได้รับความสนใจอย่างมาก"
แซม บุชชี่ หัวหน้าฝ่ายเครือข่ายออปติคอล ของโนเกีย กล่าวว่า "เมื่อเรานำเสนอโซลูชั่น Single carrier 100G เป็นโซลูชั่นแรกของวงการเมื่อปี 2553 เราได้กลายเป็นผู้นำในการปรับเปลี่ยนเข้าสู่เครือข่ายแบบออปติคอล ซึ่งเป็นจุดยืนที่เสริมความมั่นคงมากขึ้นให้กับเราเมื่อเราเปิดตัว Programmable 100G/200G line card การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม PSE-2 คือ 500G Muxponder และ 1830 PSS-24x ทำให้เราขึ้นสู่ระดับแนวหน้าของนวัตกรรม ทำให้การให้บริการลูกค้าด้วยขนาด 100G เป็นระบบเครือข่ายออปติคอลยุคใหม่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งหมดนี้เป็นผลจากนวัตกรรมด้านออปติคอลของโนเกีย เบลล์ แลปส์ ซึ่งทำให้เราสามารถทำให้ผู้ให้บริการก้าวข้ามเส้นความต้องการแบนด์วิธที่ถาโถมเข้ามาอย่างมากมายในปัจจุบัน"