เนื้อหาวันที่ : 2007-08-10 09:36:51 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1864 views

ก.พลังงาน เผย 2 ท่อน้ำมันไทยยอมเจรจาควบกิจการ

การควบกิจการท่อน้ำมันของประเทศจาก 2 บริษัทขนส่งน้ำมันทางท่อของไทย คือ แทปไลน์ และเอฟพีที ล่าสุดทั้ง 2 บริษัทไม่ขัดข้องที่จะรวมกัน เพื่อทำให้การเชื่อมต่อท่อและการขนส่งน้ำมันของประเทศมีเครือข่ายที่ดีขึ้น

กิจการท่อน้ำมันของประเทศจาก 2 บริษัทขนส่งน้ำมันทางท่อของไทย คือ แทปไลน์ และเอฟพีที ว่า ล่าสุดทั้ง 2 บริษัทไม่ขัดข้องที่จะรวมกัน เพื่อทำให้การเชื่อมต่อท่อและการขนส่งน้ำมันของประเทศมีเครือข่ายที่ดีขึ้น เป็นผลดีในด้านลดปัญหาการจราจรและการสิ้นเปลืองที่เกิดจากการใช้ขนส่งด้วยรถบรรทุก

.

นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงนโยบายควบรวมกิจการท่อน้ำมันของประเทศจาก 2 บริษัทขนส่งน้ำมันทางท่อของไทย คือ แทปไลน์ และเอฟพีที ว่า ล่าสุดทั้ง 2 บริษัทไม่ขัดข้องที่จะรวมกัน เพื่อทำให้การเชื่อมต่อท่อและการขนส่งน้ำมันของประเทศมีเครือข่ายที่ดีขึ้น เป็นผลดีในด้านลดปัญหาการจราจรและการสิ้นเปลืองที่เกิดจากการใช้ขนส่งด้วยรถบรรทุก ซึ่งขณะนี้กำลังประเมินทรัพย์สินของ 2 บริษัทว่าเป็นอย่างไร แต่ก็ต้องยอมรับว่าการควบรวมอาจจะเกิดขึ้นได้ไม่เร็วนัก เพราะทั้ง  2 ราย ล้วนมีผลการดำเนินงานขาดทุนทั้งคู่ 

 .

ด้านนายจักรชัย บาลี กรรมการผู้จัดการ แทปไลน์ กล่าวว่า หากรวมกิจการก็จะต้องมีการพิสูจน์เชิงเศรษฐกิจว่าได้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งในส่วนของแทปไลน์ปัจจุบันขาดทุนสะสมประมาณ  9,400 ล้านบาทต่อปี โดยแต่ละปียังคงมีผลประกอบการขาดทุน แต่ได้เริ่มลดลงหลังมีการต่อเชื่อมท่อไปรับน้ำมันที่จังหวัดระยอง จากโรงกลั่นน้ำมันระยองและโรงกลั่นเอสพีอาร์ซี ทำให้ยอดขาดทุนลดลงจากปีละ 500 ล้านบาท เหลือประมาณ 135 ล้านบาท และปริมาณการขนส่งทางท่อเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 43 ของกำลังขนส่งทางท่อที่มีกำลังขนส่ง 26,000 ล้านลิตรต่อปี อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเชื่อมั่นว่าหากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น การใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นและเมื่อรวมกับแผนการตลาดของแทปไลน์ที่ได้ให้ส่วนลดแก่ลูกค้าเป้าหมาย คาดว่าภายใน 10 ปี จะล้างขาดทุนสะสมและมีกำไรกลับคืนมาได้

 .

"ภาวะขาดทุนสะสมของเอฟพีทีและแทปไลน์ ประเด็นหลักมาจากวิกฤติเศรษฐกิจ ที่ถดถอยอย่างหนักเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันและการขนส่งทางท่อต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งหากจะให้มีการขนส่งผ่านระบบท่อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คงขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลว่าจะหาทางลดการขนส่งด้วยรถยนต์ได้อย่างไร" นายจักรชัยกล่าว

 .

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นของ 2 บริษัท เป็นบริษัทน้ำมัน โดยแทปไลน์เป็นโครงข่ายระบบท่อที่ต่อเชื่อมจากระบบท่อศรีราชา-สระบุรีแล้ว จึงมาต่อเชื่อมท่อไประยอง เมื่อปี 2549 มีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บมจ.ปตท. ขณะที่เอฟพีทีมีจุดเริ่มต้นที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก คลังน้ำมันเชลล์และคลังน้ำมันคาลเท็กซ์ ที่ช่องนนทรี มายังคลังน้ำมัน BAFS หรือ บมจ. บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และได้มีการขยายโครงการก่อสร้างคลังน้ำมันบางปะอินและวางท่อจากคลังน้ำมันดอนเมืองไปยังคลังน้ำมันบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งหลังจากที่แทปไลน์ต่อท่อน้ำมันไประยอง ทำให้รายได้ของเอฟพีทีที่เคยขนส่งน้ำมันที่ช่องนนทรีหดหายไป เพราะเชลล์และคาลเท็กซ์หันมาใช้บริการขนส่งของแทปไลน์แทน โดยก่อนหน้านี้มีความพยายามในการควบรวมกิจการของ 2 บริษัท แต่บาฟส์ไม่เห็นด้วย ทั้งที่เจ้าหนี้สถาบันการเงินต่างต้องการเห็นการรวมกิจการ แต่ล่าสุดบาฟส์ได้ตกลงที่จะให้เกิดการเจรจากันแล้ว

 .

ที่มา     : สำนักข่าวไทย