ไอบีเอ็มประกาศเปิดตัว 5 นวัตกรรมที่จะเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ รวมไปถึงการเดินทางท่องเที่ยวของผู้คนนับจากนี้ ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเยี่ยมจากห้องทดลองของไอบีเอ็ม
ไอบีเอ็มประกาศเปิดตัว 5 นวัตกรรมที่จะเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ รวมไปถึงการเดินทางท่องเที่ยวของผู้คนนับจากนี้ ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเยี่ยมจากห้องทดลองของไอบีเอ็ม |
. |
ปัจจุบัน ผู้ใช้ยวดยานพาหนะได้เผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิงไปบนท้องถนนที่มีการจราจรติดขัดคิดเป็นจำนวนถึง 9 พันล้านแกลลอนต่อปี อีกทั้ง อุบัติเหตุบนท้องถนนยังคร่าชีวิตและทรัพย์สินคิดมูลค่าเป็นหลายแสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ผลการศึกษาของ US News and World Report คาดการณ์ว่า ถึงปี 2020 จะมีผู้โดยสารทางอากาศมากขึ้นจากปัจจุบันเป็นสองเท่าตัว หรือคิดเป็นจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีประมาณ 7 พันล้านคนทั่วโลก ไอบีเอ็มเชื่อว่า นวัตกรรมดังต่อไปนี้จะช่วยเปลี่ยนสถิตินี้ได้ |
. |
รถยนต์ของเราจะสามารถรับรู้เมื่อมียานพาหนะอื่นๆ เข้ามาใกล้และหลีกเลี่ยงสภาพถนนที่เป็นอันตรายในการขับขี่ อนาคตอันใกล้จะมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า Collaborative Driving ที่รถจะมีเทคโนโลยีที่ช่วยคนขับ ที่จะทำให้รถทำงานเหมือนมีปฏิกิริยาตอบกลับ หรือ reflexes ยานพาหนะจะแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน และกับโครงสร้างพื้นฐานที่ติดตั้งไว้บนท้องถนน จากนั้น เทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยแจ้งเตือนให้ผู้ขับรับรู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น บนถนนไฮเวย์และในเขตเมืองที่มีการจราจรคับคั่งก็จะผ่อนคลายและปลอดภัยมากขึ้น |
. |
คนที่เดินทางอยู่บนท้องถนนจะได้รับการแจ้งล่วงหน้า ในกรณีที่รถไฟหรือรถประจำทางจะมาช้ากว่ากำหนดทางโทรศัพท์มือถือ ด้วยเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ จีพีเอส และเทคโนโลยีการสื่อสารที่จะติดตั้งบนรถไฟหรือรถประจำทาง นอกจากที่ระบบจะช่วยแจ้งบอกผู้โดยสารว่า รถไฟหรือรถประจำทางจะมาถึงล่าช้าจากตารางเวลาที่แจ้งไว้แล้ว ระบบยังสามารถแจ้งไปยังผู้โดยสารหากมีการเปลี่ยนเส้นทางการเดินรถอีกด้วย |
. |
เทคโนโลยีด้าน Voice Recognition System ที่ซับซ้อนมากขึ้นทำให้ผู้ขับขี่สามารถได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทาง อ่านและตอบอีเมล์ การค้นหาเส้นทางการเดินรถ การหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ รวมไปถึง การใช้คำสั่งเล่นเครื่องเล่นดีวีดี เลือกเพลงที่อยากฟังผ่านการใช้คำสั่งเสียงที่ทำได้ง่ายดายมากขึ้น นอกจากนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวยังจะช่วยให้ผู้ขับสามารถใช้เสียงสั่งเครื่องปรับอุณหภูมิบนรถได้ตามต้องการ หรือสั่งโทรศัพท์กลับบ้านได้โดยไม่ต้องละมือและสายตาจากพวงมาลัย |
. |
ระบบจราจรอัจฉริยะกำลังจะมาช่วยแก้ปัญหารถติดที่กำลังเป็นปัญหาสากลของเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก เพราะระบบที่ก้าวล้ำดังกล่าวจะควบคุมสัญญาณไฟจราจร สั่งเปลี่ยนไฟให้สอดคล้องกับสภาพการใช้ถนนได้แบบเรียลไทม์ และสามารถจัดการการจราจรให้กับรถฉุกเฉิน เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ จีพีเอส และดาวเทียมยังสามารถให้ข้อมูลแก่ผู้ขับขี่ว่า ถนนเส้นไหนคับคั่งและให้หลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น หรือลานจอดรถที่ไหนเต็มในระหว่างช่วงที่มีผู้มาใช้บริการกันมากๆ หากเทคโนโลยีสามารจัดการกับการจราจรที่คับคั่งและติดขัดได้ก็จะช่วยลดปัญหามลพิษและช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนได้อีกทางหนึ่ง |