สศอ.โชว์ผลงานรอบ 6 เดือน ลุย 5 โปรเจกต์ใหญ่ ยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยสู่การแข่งขันในเวทีโลก พร้อมจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านการวางยุทธศาสตร์ชาติแห่งอนาคต และดันแผนพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมใหม่ในอนาคต
นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงผลการดำเนินงาน ของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในรอบ 6 เดือน (ตุลาคม 2558-มีนาคม 2559) ที่ผ่านมา ประกอบด้วย
ส่วนการปรับปรุงกฎระเบียบด้านภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อให้สอดคล้องกับระบบ Consignment หรือ การฝากขายสินค้าตามห้างสรรพสินค้า เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการโดยเฉพาะSMEs นั้น คณะอนุกรรมการเร่งรัดนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษคลัสเตอร์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ได้ประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. กำลังพิจารณาเพื่อผลักดันร่างกฎหมายการฝากขายสินค้า ฉบับแรกของไทย ส่วนกรมสรรพากรกำลังศึกษาการออกกฎหมายฉบับใหม่ ควบคู่ไปกับการนำเสนอของภาคเอกชน พร้อมกับพิจารณาประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฉบับที่ 8 และ ฉบับที่ 82 ให้เอื้อกับ SMEs ส่วนปรับปรุงระเบียบการรับรองวุฒิการศึกษาด้านวิชาชีพ ให้สามารถเทียบโอนกับระบบการศึกษาแบบวิชาชีพในยุโรป อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
สำหรับการดำเนินงานในระยะต่อไป คณะอนุกรรมการเร่งรัดนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษคลัสเตอร์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม จะเร่งรัดมาตรการในเรื่อง Sourcing Hub โดยตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็น Sourcing Hub of ASEAN
และที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการเร่งรัดนโยบายคลัสเตอร์เกษตรแปรรูป ยังได้เห็นชอบที่จะผลักดันผลิตภัณฑ์เป้าหมายหลักใน 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.สารสกัดจากวัตถุดิบธรรมชาติ 2.สารออกฤทธิ์จากวัตถุดิบธรรมชาติ 3.อาหารทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 4.ผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติ โดยได้เร่งรัดให้มีการทบทวนการถ่ายโอนภารกิจของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในเรื่องการขออนุญาต เร่งรัดการก่อสร้าง Rubber City ใน จ.สงขลา และ ศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายการจัดตั้ง Rubber City จ.ระยอง และกาญจนบุรี
ส่วนการดำเนินงานในระยะต่อไป จะร่วมหารือร่วมกับกระทรวงเกษตร เพื่อเร่งรัดการยกระดับ มาตรฐานสินค้าเกษตรแบบครบวงจรในเรื่องระบบ Traceability และแนวทางการส่งเสริมการลงทุน ไก่เนื้อ และพันธุ์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ได้จาก By Product ในอุตสาหกรรมประมงต่อไป
ทั้งนี้หลังจากได้มีการกำหนดพื้นที่ คลัสเตอร์ และซูปเปอร์ คลัสเตอร์แล้ว ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการวางนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนสนองรับกับนโยบายของรัฐบาล และเพื่อให้การพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนที่มีศักยภาพบังเกิดผลในการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สศอ.จึงได้จัดทำโครงการจัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนที่มีศักยภาพสูงตามนโยบายของรัฐบาล จังหวัดเชียงราย และนครพนมขึ้น โดยพื้นที่ทั้ง 2 จังหวัดดังกล่าว เป็นพื้นที่จังหวัดที่มีศักยภาพสูงและอยู่ในแผนการพัฒนาจัดตั้งเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2559 นี้
ทั้งนี้ เพื่อให้กระทรวงอุตสาหกรรมมียุทธศาสตร์ กลยุทธ์ แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรม และแผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดเชียงราย และนครพนมที่สอดคล้องกับศักยภาพด้านอุตสาหกรรมในพื้นที่และทิศทางการพัฒนาประเทศในภาพรวม รวมทั้งเชื่อมโยงการพัฒนากับประเทศเพื่อนบ้าน สามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศให้มาลงทุนในพื้นที่ อันจะส่งผลให้เศรษฐกิจของพื้นที่ และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศดีขึ้น ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญยิ่งในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในอนาคต ส่วนการจัดทำร่าง พระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ…. นั้นอยู่ระหว่างการปรับปรุง ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรม (กนอ.)
- ยกระดับผลิตภาพภาคอุตสาหกรรมด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมและระบบบริหารจัดการ
- ยกระดับผลิตภาพแรงงานให้มีทักษะสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม
- พัฒนาปัจจัยแวดล้อมเพื่อสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการเพิ่มผลิตภาพ
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2560 สศอ. ได้เสนอของบประมาณจำนวน 1,017 ล้านบาท โดยสำนักงบประมาณได้มีการพิจารณาเห็นชอบให้ตั้งคำขอเป็นวงเงิน 543 ล้านบาท และในปี 2561 จะเพิ่มเรื่อง Innovation และ Standard มากขึ้น
ส่วนการดำเนินการโครงการในระยะต่อไป จะพิจารณาขยายเครือข่ายไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆในกลุ่มเกษตรแปรรูปและกลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีมากขึ้นร่วมทั้งเชิญชวนสถาบันการเงินเข้าร่วมเครือข่ายด้วย
สำหรับแผนการดำเนินงานที่สำคัญในอนาคต ประกอบด้วย
- หน่วยสารสนเทศเพื่ออนาคต
- หน่วยวิจัยภาพเหตุการณ์จำลองอนาคต
- หน่วยเสริมสร้างศักยภาพองค์กร