เนื้อหาวันที่ : 2007-08-03 08:12:49 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1762 views

มิลล์คอน เมินเศรษฐกิจซบมั่นใจคาดไตรมาส 4 หุ้นโตสวนกระแส

"มิลล์คอน" ผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กแปรรูป-เหล็กรูปพรรณ เดินหน้าเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นเต็มพิกัด ชูจุดเด่นคุณภาพและหลากหลายตอบสนองลูกค้าได้ มั่นใจโตสวนกระแสเศรษฐกิจซบ

.

"มิลล์คอน" ผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กแปรรูป-เหล็กรูปพรรณ เดินหน้าเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นเต็มพิกัด ประกาศตั้ง บล.เคทีบี ทำหน้าที่ที่ปรึกษาทางการเงิน พร้อมเปิดตัวผู้บริหารชุดใหญ่ คาดเข้าเทรดได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ชูจุดเด่นอยู่ที่สินค้าคุณภาพและหลากหลายตอบสนองลูกค้าได้ มั่นใจโตสวนกระแสเศรษฐกิจซบ เผยไตรมาสแรกกำไรกว่า 30 ล้านบาท วางแผนขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง

.

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2550 บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน)หรือ MILL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเหล็กเส้นและเหล็กแปรรูป ได้จัดให้มีพิธีลงนามแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายพร้อมนำหุ้นของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai อย่างเป็นทางการ

.

นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในวันนี้ และคาดว่า หุ้นของบริษัทฯ จะเข้าจดทะเบียนและทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

.

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 บริษัท มิลล์คอนสตีลฯ มีทุนจดทะเบียนและชำระแล้ว 300 ล้านบาท มีสินทรัพย์ประมาณ 1.77 พันล้านบาท มีกำลังการผลิตรวมประมาณ 5 แสนตันต่อปี แบ่งเป็นการผลิตเหล็กเส้นและเหล็กข้ออ้อยประมาณ 2.50 แสนตันต่อปี และเหล็กรูปพรรณประมาณ 2.50 แสนตันต่อปี โดยมียอดขายในไตรมาสแรกของปีนี้ประมาณ 965.95 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 34.63 ล้านบาท

.

"การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นอกจากจะทำให้บริษัทฯ ต้องพัฒนาองค์กรในด้านต่างๆ อย่างเป็นระบบระเบียบและมีวินัยทางการเงินมากขึ้นแล้ว ยังทำให้บริษัทฯ มีความมั่นคงขึ้น และสามารถบริหารจัดการด้านการเงินด้วยเครื่องมือที่หลากหลายขึ้น ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วย" นายสิทธิชัยกล่าว

.

กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลล์คอนสตีลฯ ยังแสดงความมั่นใจด้วยว่า บริษัทฯ จะยังคงมีการดำเนินงานที่เติบโตในลักษณะที่ยั่งยืน แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้จะอยู่ในทิศทางชะลอตัวลงก็ตาม แต่มีปัจจัยหลายๆ ปัจจัยที่ผ่อนคลายมากขึ้น เช่น ปัจจัยด้านการเมือง แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นสิ่งกระตุ้นให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีการเติบโตขึ้น และนอกจากนี้เนื่องจากการเติบโตของบริษัทฯ เป็นไปอย่างมีหลักการ โดยเน้นประสิทธิภาพสูงสุดในทุกๆ ด้าน และยังต้องยอมรับว่า การแข่งขันในอุตสาหกรรมเหล็กจะเป็นการแข่งขันกับตัวเองในการสร้างมาตรฐานที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนั่นคือเป้าหมายการเติบโตที่แท้จริง

.

สำหรับธุรกิจของบริษัทฯ ในปีนี้นั้น จะทำการตลาดในส่วนของเหล็กรูปพรรณให้มากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากยังมีกำลังการผลิตเหลืออยู่ ส่วนเหล็กเส้นก่อสร้างจะต้องเน้นพัฒนาด้านการบริการ ซึ่งบริษัทจะต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่าทำอย่างไรจึงจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าใหม่ๆ ให้มากขึ้น และพยายามหาทางเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังจะเพิ่มตลาดต่างประเทศให้มากขึ้นอีกด้วย

.

นายสิทธิชัยกล่าวด้วยว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯในส่วนของเหล็กเส้นกลมและเหล็กข้ออ้อยภายใต้แบรนด์ MCS ซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัทฯ เองนั้น เป็นเหล็กที่ใช้ในโครงสร้างคอนกรีตทุกชนิด เช่น งานฐานราก งานก่อสร้าง งานก่อสร้างทั่วไป ซึ่งแม้ว่าในแต่ละงานจะใช้เหล็กเส้นในขนาดที่แตกต่างกัน บริษัทฯ ก็สามารถผลิตได้ตามที่ลูกค้าต้องการ ทั้งคุณภาพและรูปแบบ ทำให้สามารถครอบคลุมความต้องการของลูกค้าได้

.

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีเครื่องจักรสำหรับการผลิต จำนวน 2 สายการผลิตสลับกัน แบ่งเป็นผลิตเหล็กเส้นกลมประมาณ 20% และเหล็กข้ออ้อยประมาณ 80% โดยวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตนั้นก็ได้มาตรฐานที่มีการรับรองคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญของบริษัทฯ

.

ส่วนเหล็กรูปพรรณ ซึ่งจะประกอบไปด้วย เหล็กรูปตัวซี เหล็กแผ่น ท่อเหล็ก เหล็กแบบตัด และเหล็กม้วนแถบเล็กนั้น การผลิตจะกำหนดมาตรฐานหรือขนาดตามความต้องการของลูกค้า โดยการนำเหล็กม้วนรีดร้อน (HRC) มาแปรรูปเป็นเหล็กประเภทต่างๆ ตามที่ลูกค้าต้องการ