นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทซีคอนโฮม เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา กลุ่มซีคอนโฮมสามารถสร้างยอดขายรวม 1,100 ล้านบาทซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยแบ่งเป็นยอดขายจากซีคอน โฮม 500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 45% และยอดขายจากคอมแพค โฮมรวมกับบัดเจท โฮมรวม 600 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 55% ทั้งนี้ บ้านขนาดกลางและขนาดเล็กในฐานะบ้านหลังแรกยังครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด ในขณะที่บ้านขนาดใหญ่ยังเติบโตแบบชลอตัว
“แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ของกลุ่มซีคอน โฮม เราวางแผนการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงฟื้นตัว โดยเราจะไม่เน้นการเติบโตของยอดขายในเชิงปริมาณ แต่เน้นในด้านคุณภาพเพื่อการเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีการปรับตัวและเดินเข้าหาลูกค้ามากขึ้นในแบบ Proactive มีการใช้สื่อในแบบ Mass media ควบคู่ไปกับ Digital media ให้รับกับพฤติกรรมของลูกค้าในยุคปัจจุบัน โดยมีการวางแผนขยายกลุ่มลูกค้าไปตามปริมณฑลและจังหวัดที่ไม่ไกลจาก กทม. มากนัก โดยเน้นไปที่บ้านซีคอน โฮม ราคา 8-15 ล้านบาท ในขณะที่กลุ่มลูกค้าพื้นที่ในเมือง เราก็มีแบบบ้านขนาดเล็กในระดับราคา 2-4 ล้านบาท เพื่อรองรับพื้นที่ขนาดเล็กในเมือง โดยแบบบ้านที่จะพัฒนาใหม่นั้น เราจะพัฒนาต่อจากแบบบ่นเดิมที่มีอยู่เพื่อปรับปรุงให้คุ้มค่าและร่วมสมัยยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเดินหน้าสร้างการรับรู้ในแบรนด์ และสร้างโอกาสในการขายมากขึ้นโดยมีศูนย์รับสร้างบ้านของกลุ่มบริษัทซีคอน ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายที่วางไว้” นางสาวศุภิชชากล่าวเสริม
ทั้งนี้ เป้าหมายในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มซีคอน โฮมในปี 2559 นั้น นางสาวศุภิชชา กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในปีนี้กลุ่มบริษัทซีคอน โฮม ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 1,200 ล้านบาท หรือมีอัตราเติบโตขึ้น 9% แบ่งเป็นซีคอน โฮม 550 ล้านบาท คอมแพค โฮม 550 ล้านบาท และ บัดเจท โฮม 100 ล้านบาท โดยที่สัดส่วนของบ้านขนาดใหญ่และขนาดเล็กจะอยู่ที่ 45% และ 55% ตามลำดับ โดยปัจจัยหลักที่จะทำให้กลุ่มบริษัทซีคอน โฮม ประสบความสำเร็จในปีนี้คือ 3 ปัจจัย ประกอบด้วย การควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐาน เพื่อความพึงพอใจของลูกค้า ตามมาตรฐานสากล ISO 9001 และเน้นการพัฒนาเกณฑ์คุณภาพให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการบริหารงานก่อสร้างที่ดี เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาด และการบริหารด้านแรงงานก่อสร้างในอนาคต โดยใช้กลยุทธ์หลากหลายวิธี อาทิ การใช้เทคโนโลยี Bearing Wall ที่สามารถลดจำนวนแรงงานลง และการแยกชุดทำงานย่อยตามความถนัดของช่างแต่ละประเภทให้ได้มากที่สุด เพื่อความรวดเร็วยิ่งขึ้น และทำให้คุณภาพของงานแต่ละชนิดออกมาดีภายใต้มาตรฐานเดียวกันจากความเชี่ยวชาญของแรงงานฝีมือเฉพาะกลุ่ม”
ในปีนี้กลุ่มซีคอน โฮมได้เปิดตัวแบบบ้านไปแล้วถึง 6 แบบ โดยเป็นแบบบ้านจากซีคอน โฮม 3 แบบ ในซีรี่ย์บ้านเติมสุข พื้นที่ใช้สอย 277-458 ตารางเมตร และแบบบ้านจากคอมแพคโฮม 3 แบบ ภายใต้ชื่อแบบบ้านแสนรัก เปี่ยมรัก และอุ่นรัก พื้นที่ใช้สอย 199-262 ตารางเมตร ซึ่งนำมาเปิดตัวในงาน Home Builder Focus 2016 นอกจากนี้ ยังวางแผนออกแบบบ้านใหม่ให้สอดรับกับสังคมผู้สูงอายุ โดยจะออกแบบบ้านชั้นเดียวเหมาะสำหรับผู้สูงอายุเพื่อการอยู่อาศัยในวัยเกษียณหรือเป็นบ้าน 2 ชั้น แต่ออกแบบให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่คำนึงถึงความปลอดภัยกับผู้สูงอายุเป็นหลัก อาทิเช่น พื้นที่เรียบเสมอกัน พื้นไม่ลื่นไม่มันยาวต่อเนื่องไปทั้งหลัง เพื่อการเดินหรือใช้รถเข็นไม่สะดุดภายในบ้าน ออกแบบการวางประตู หน้าต่าง ให้มีความโปรงโล่งสบาย ไม่อึดอัด มีแสงสว่างเข้าถึงเพียงพอ ห้องน้ำมีราวจับ กระเบื้องห้องน้ำกันลื่น รวมทั้งมีการเดินระบบให้มีการกดกริ่งยามฉุกเฉิน เป็นต้น
“มุมมองของกลุ่มซีคอน โฮมต่อภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านของไทยในปี 2559 นั้นเชื่อว่าจะยังทรงตัวซึ่งสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบัน และใน 2-3 ปีข้างหน้านั้น ปัญหาแรงงานยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ส่วนการสร้างบ้านมองว่าจะมีการสร้างมากขึ้นในแถบชานเมืองโดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้าที่ขยายออก นอกเมืองมากขึ้น ส่วนการเติบโตของการสร้างบ้านในต่างจังหวัดยังคงเป็นกลุ่มคนที่มีฐานะ ตลาดรับสร้างบ้านโดยรวมในอนาคตจะดีขึ้นหรือไม่ คงต้องดูองค์ประกอบของภาวะเศรษฐกิจและการเมืองร่วมด้วย” นางสาวศุภิชชากล่าวสรุป