CPanel เผยตลาดอสังหาริมทรัพย์สัญญาณดี โครงการหลายแห่งลงทุนต่อเนื่อง เน้นใช้ผนังสำเร็จรูปก่อสร้าง ลดต้นทุน บริหารความเสี่ยง ดันออร์เดอรขยายตัว โชว์ Backlog 250 ล้านบาท มั่นใจตลาดยังเติบโตดีในอนาคต เดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่ม ท่องเที่ยว รับเหมาก่อสร้าง และงานภาครัฐเล็งเปิดตลาด CLMV ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 300 ล้านบาท
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (CPanel) ผู้ผลิตและจำหน่ายผนัง คอนกรีตสำเร็จรูป เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการที่โครงการรถคันแรกหมดไป ส่งผลให้ภาคครัวเรือนมีกำลังซื้อมากขึ้น ด้านภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะมีสัญญาณที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน จากการที่ภาครัฐมีแผนกระตุ้นและขับเคลื่อนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ ที่มีความล่าช้าในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งการดำเนินนโยบายดังกล่าวจะส่งผลให้ผู้รับเหมาก่อสร้างภาคเอกชนมีโอกาสในการรับงานมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มกลับมาลงทุนในโครงการใหม่อีกครั้ง โดยทั้งสองปัจจัยนี้จะทำให้ตลาดวัสดุก่อสร้างได้รับผลดีด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ผลประกอบการในปี 2558 ถือว่าเติบโตขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยปรับตัวดีขึ้นกว่า 200% คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท เนื่องจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีการลงทุนในโครงการต่างๆ ส่วนใหญ่มีความต้องการใช้ผนังคอนกรีตสำเร็จรูปในการก่อสร้างโครงการแทนวัสดุอื่นๆ เพราะเป็นวัสดุที่ใช้งานง่ายมีความแข็งแรง ลดต้นทุนแรงงาน ตอบโจทย์การบริหารจัดการระยะเวลาการทำงาน และช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี จากความต้องการดังกล่าวทำให้เชื่อว่า เมื่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับสู่ภาวะปกติความต้องการใช้งานผนังคอนกรีตสำเร็จรูปจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างทันทีด้วยเช่นกัน
สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ CPanel ยังคงเดินหน้าทำตลาดแนะนำผลิตภัณฑ์กับลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นที่กลุ่มผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบและแนวสูง และยังมีความสนใจขยายฐานลูกค้าในกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภาคการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีโอกาสขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง ตลอดจนโครงการก่อสร้างต่างๆของภาครัฐ ซึ่งคาดว่าจะมีกระแสตอบรับที่ดีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตามภาวะเศรษฐกิจที่ค่อยๆฟื้นตัว
ส่วนการเปิดตลาดในต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ โดยมองว่ากลุ่มประเทศ CLMV มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ถ้ามีโอกาสก็พร้อมที่เข้าไปขยายฐานลูกค้าในกลุ่มนี้ โดยจะเน้นไปที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภาคการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
ด้านแผนการลงทุนในปีนี้ ขณะนี้บริษัทได้ทำการขยายงานที่เกี่ยวข้องกับผนังคอนกรีตสำเร็จรูป ทำให้บริษัทสามารถผลิตสินค้าได้มากขึ้น โดยใช้งบการลงทุนในส่วนนี้ประมาณ 3 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทได้ซื้อรถขนส่งเพิ่มอีกจำนวน 7 คัน มูลค่าประมาณ 21 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าจำนวน 13 ราย และมีมูลค่างานในมือ (Backlog) 250 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้จนถึงไตรมาส 3/59 ขณะที่กำลังการผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปของบริษัทปัจจุบันอยู่ที่ 60% ตั้งเป้ารายได้ 300 ล้านบาทในปีนี้