บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด(มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาและบริหารเมืองอุตสาหกรรมครบวงจรทั้งในไทยและต่างประเทศ จัดงานฉลองครบรอบ 40 ปี ภายใต้แนวคิด The Future is Here เผยถึงเส้นทางความสำเร็จปัจจุบันสู่อนาคต และแผนต่อยอดแนวคิดสร้างอมตะให้เป็นมากกว่านิคมอุตสาหกรรม ตั้งเป้าขยายโรงงานให้ครบ 2,000 แห่ง ทั้งในและต่างประเทศ ภายใน 5 ปีข้างหน้า โชว์ความแข็งแกร่งด้านการเงินกำไรสะสมกว่า 9,000 ล้านบาท พร้อมทั้งเตรียมนำรูปแบบนิคม ฯ อมตะ ไปสู่เวียดนาม และพม่าในอนาคต ภายใต้รูปแบบการเป็นเมืองแห่งความสมบูรณ์แบบหรือ Perfect City โดยเน้นการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างบรรยากาศภายในนิคมอมตะให้มีความเป็นธรรมชาติ และพัฒนาแนวทางสร้างธุรกิจให้มีต้นทุนต่ำลง
นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทอมตะ กล่าวว่า อมตะได้ดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมทั้งในประเทศ และต่างประเทศครบรอบ 40 ปี ในปี 2559 นี้ โดยความสำเร็จนั้นเนื่องจากได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และลูกค้า ดังนั้น จึงได้จัดงานฉลองครั้งนี้ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพื่อขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และให้การสนับสนุนดังกล่าว โดยงานฉลองในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “The Future is Here” เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่มีความแข็งแกร่ง และมั่นคง ด้วยการสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และเป็นรากฐานความสำเร็จให้แก่นักลงทุนทุกคนที่ก้าวสู่นิคมอุตสาหกรรมของอมตะ
สำหรับทิศทางในอนาคต ของอมตะ ได้มีการวางแผนการลงทุนเพื่อการเติบโตแบบยั่งยืนโดยดำเนินการลงทุนจากกำไร และมีแผนการสร้างสร้างอมตะให้เป็นมากกว่าคำว่า นิคมอุตสาหกรรม เพื่อก้าวสู่การเป็น เมืองแห่งความสมบูรณ์ ซึ่งประกอบไปด้วย 1.ความสะดวกสบาย 2.คุณภาพชีวิตที่ดี และ 3.มีความรวดเร็วด้านการให้บริการแบบครบวงจร โดยจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบภายในนิคม ฯ แห่งนี้ ซึ่งจะมีความแตกต่างจากนิคมอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกัน
นายวิกรม กล่าวต่อไปว่า อมตะมีความพร้อมสำหรับรองรับการลงทุนจากนักลงทุน โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสถานประกอบการภายในนิคมฯ อมตะ นคร จ.ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ จ.ระยอง รวมทั้งในเวียดนามให้ได้ครบ 2,000 โรงงาน ภายในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งปัจจุบัน มีแล้วกว่า 1,000 โรงงาน และยังมีพื้นที่เหลือจะนำมาพัฒนาอีกกว่า 10,000 ไร่ในประเทศไทย และที่เวียดนามอีก 40,000 ไร่
ซึ่งนอกจากการมุ่งเน้นเรื่องการสร้างรายได้จากการขาย และให้เช่าพื้นที่เพื่อตั้งโรงงานแล้ว รายได้ที่มีความสำคัญทำให้อมตะมีความแข็งแกร่งอีกทางหนึ่ง คือ การสร้างรายได้ในระยะยาว คือ การพัฒนาธุรกิจด้านบริการและสาธารณูปโภคทุกประเภทที่จำเป็น เช่น น้ำประปา ไฟฟ้า ระบบโทรคมนาคม การขนส่ง การศึกษา สาธารณสุข ฯลฯ เพื่อเป็นการช่วยให้ผู้ประกอบการโรงงานได้รับความสะดวกสบาย และประหยัดเวลาในการจัดหาทรัพยากร ซึ่งเป็นรายได้ที่มีการหมุนเวียนเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ
“สำหรับเคล็ดลับความสำเร็จที่ยั่งยืนของอมตะ คือ การมิวินัยทางการเงิน รู้จักบริหารจัดการกำไร และหนี้สิน ลงทุนจากกำไร และการนำเอาที่ดินที่มีอยู่มาคิดเป็นเงินลงทุนหากมีการร่วมทุนแทนที่จะลงทุนด้วยเงินสด ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการเงินมีความยั่งยืนกว่า รวมทั้งการมองการณ์ไกล มีการวางแผนอนาคตในระยะยาว และดำเนินธุรกิจอย่างเป็นขั้นตอน จึงจะประสบความสำเร็จ” นายวิกรม กล่าว
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อมตะมุ่งเป้าสู่การเป็นอุตสาหกรรมที่ดำเนินแนวคิดเมืองที่สมบูรณ์แบบ โดยให้ความสำคัญในการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสะอาด เพื่อประหยัดทรัพยากรและพลังงาน การลดต้นทุนการผลิต เราจึงได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องของบุคลากร เพื่อป้อนเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม โดยมีความร่วมมือกับกรมอาชีวศึกษาจัดหลักสูตรพัฒนาฝีมือแรงงาน และหลักสูตรการฝึกงานระยะยาว รวมถึงการผลักดันให้เกิดศูนย์วิจัย แม้กระทั่งการสร้างเมืองวิทยาศาสตร์ขึ้นภายในนิคมฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมและรองรับการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับแผนการลงทุนปี 2559 ในประเทศไทย เราตั้งงบไว้ที่ 2 พันล้านบาท เป็นงบเพื่อการขยายระบบสาธารณูปโภค เพื่อรองรับนักลงทุนทั้งจากญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 60% และนักลงทุนจากจีน ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณความเชื่อมั่นของนักลงทุน ให้ความสนใจเข้ามาลงทุน หลังจากทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลได้ประกาศนโยบายให้ปี 2559 เป็นปีแห่งการลงทุน รวมทั้งการให้สิทธิประโยชน์พิเศษจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ทำให้เชื่อว่า ตัวเลขโรงงานเปิดใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครทั้ง 2 แห่งในไทยและในเวียดนาม จะเป็นไปตามเป้าหมาย 2,000 พันโรงงานภายใน 5 ปีข้างหน้า
ด้าน นางสมหะทัย พานิชชีวะ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การขยายธุรกิจอมตะนั้น มีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันอมตะมีนิคมอุตสาหกรรมอยู่ในประเทศเวียดนาม 2 แห่ง ได้แก่ อมตะ ซิตี้ เบียนหัว และอมตะ ซิตี้ ลองถั่น และในระหว่างนี้ก็ได้มีการศึกษาเพื่อเตรียมจัดหาพื้นที่สำหรับการพัฒนาเพิ่มเติม ทั้งในประเทศเวียดนาม และประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV เช่น ประเทศพม่า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าสนใจ เนื่องจากนักลงทุนญี่ปุ่นให้ความสนใจเข้าไปลงทุน เช่น นิคมติวาลา ในย่างกุ้ง และมีปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีประโยชน์ เช่น การสร้างท่าเรือน้ำลึก ซึ่งอมตะมีความสนใจนิคมการค้าชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งสามารถเชื่อมโยงสู่ทวายของพม่าได้ ส่วนกัมพูชา มีความได้เปรียบด้านแรงงานและสามารถใช้ประโยชน์ทางด้าน GSP ส่วนประเทศลาวยังมีความสมบูรณ์ทางด้านทรัพยากรทั้งแร่ธาตุและพลังงาน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นข้อได้เปรียบที่นักลงทุนประเทศต่าง ๆ ให้ความความสนใจ จึงเป็นโอกาสของอมตะด้วยเช่นกัน
“สำหรับศักยภาพของเวียดนามมีปัจจัยการเติบโตอยู่ที่ 23,000 ล้านเหรียญฯ จีดีพีโตที่ 7% เวียดนามมีการทำเอฟทีเอกับประเทศต่าง ๆ รวมกว่า 75 ประเทศ ทำให้มีความได้เปรียบในการจำหน่ายสินค้าได้ทั่วโลก ส่วนการเติบโตในประเทศเวียดนามของอมตะที่ผ่านมาอยู่ที่ 40-50% และเรามีแผนการเติบโตอยู่ที่ 10 เท่าภายในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า เราเป็นนิคมแห่งแรกที่บุกเบิกเข้าสู่เวียดนาม และอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดทางภาคใต้ นอกจากนี้เรายังมีแผนที่จะขยายตัวสู่ภาคเหนือของเวียดนามอีกด้วย โดยใช้รูปแบบการบริหารจัดการแบบเดียวกับนิคมอุตสาหกรรมอมตะในประเทศไทยที่มีประสบการณ์การทำงานมาแล้วถึง 40 ปี ภายใต้แนวคิดการพัฒนาอมตะให้เป็นเมืองสมบูรณ์แบบ” นางสมหะทัย กล่าวสรุป