เนื้อหาวันที่ : 2016-01-28 17:02:55 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1507 views

พิธีเปิดศูนย์ฯ (ศวผอ.) ของ บ.กราวิเทคไทย ณ อวท. สวทช.

ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. กล่าวว่า โลกปัจจุบันเป็นยุคไร้พรมแดนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ มีการแข่งขันด้านธุรกิจและนวัตกรรมที่สูงมาก หน่วยงานชั้นนำต่างๆ ในภาคเอกชน ได้เริ่มเล็งเห็นความสำคัญในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการสร้างความสามารถในการแข่งขันของบริษัท และประเทศไทยในองค์รวม

สวทช. มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยส่งเสริมสนับสนุนภาคเอกชนให้สามารถแข่งขันได้ ด้วยการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ทั้งในระยะสั้นด้วยการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยสถาบันวิจัยภาครัฐ เช่น สวทช. รวมถึงมหาวิทยาลัยต่างๆ และในระยะยาวโดยการพัฒนาขีดความสามารถในการดำเนินงานวิจัยพัฒนาด้วยตนเอง

อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (อวท.) ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ เป็นที่รวมของบริการสนับสนุนภาคเอกชนให้มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว นอกจากนี้ ยังให้บริการพื้นที่ห้องปฏิบัติการคุณภาพสูง เพื่อรองรับเอกชนที่มีความพร้อม มีขีดความสามารถในการทำวิจัยพัฒนาด้วยตนเอง ปัจจุบันนอกจาก สวทช. และศูนย์วิเทคโนโลยีแห่งชาติ 4 แห่งแล้ว ยังมีหน่วยงานภาคเอกชนดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยอยู่มากกว่า 70 ราย ทำให้อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย มีประชากรด้านวิจัยและวิชาการ เกือบ 2,000 คนจากประชากรทั้งสิ้นราว 3,000 คน ส่งผลให้อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการวิจัยที่สำคัญมากแห่งหนึ่งของประเทศ

การเข้ามาจัดตั้งศูนย์วิจัยพัฒนา ผลิตอิเล็กทรอนิกส์ และพื้นที่การเรียนรู้สำหรับนักประดิษฐ์ (ศวผอ.) Reserch and Development Electronic Innovation Creative Hub (RICH) ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ณ อาคารกลุ่มนวัตกรรม 1 แห่งนี้ ถือเป็นก้าวย่างสำคัญ ที่จะช่วยส่งเสริมบรรยากาศของการเรียนรู้ เป็นแหล่งรวมของ Maker มีโอกาสพบปะกับกลุ่มนักวิจัยได้สะดวกขึ้น ทำให้เพิ่มโอกาสในการพัฒนาต่อยอดความร่วมมือต่างๆ ระหว่าง สวทช., กราวิเทคไทย และกลุ่มนักประดิษฐ์ เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือสร้างความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน เพื่อให้บรรลุผลตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่ “จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ ดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม”