กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) จับมือ 14 ธนาคาร เสริมสภาพคล่อง SMEs หวังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดยมีธนาคารเข้าร่วม คือ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น พร้อมตั้งเป้าสนับสนุนสถานประกอบการ SMEs ให้เข้าถึงสินเชื่อเพื่อความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ ภายในปีนี้ 500 ราย คิดเป็นวงเงินกู้กว่า 1,900 ล้านบาท
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า SMEs เป็นกลุ่มกิจการที่มีจำนวนมากที่สุดของประเทศแต่ส่วนใหญ่มักประสบปัญหาด้านการตลาด แรงงาน เทคโนโลยีการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เนื่องจากไม่มีแผนธุรกิจที่ดี ขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน และขาดประวัติการชำระเงินจากการเป็นกิจการใหม่ ทำให้กลายเป็นอุปสรรคในการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาภาคเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นกระทรวงอุตสาหกรรม จึงมอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ร่วมกับสถาบันการเงิน 14 แห่ง ในการสนับสนุนผู้ประกอบการตามมาตรการเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในด้านการเงินและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันในการเข้าถึงเงินทุน โดยเฉพาะใน 5 อุตสาหกรรม ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ยาง สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ตั้งเป้าสนับสนุนสถานประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้สะดวกยิ่งขึ้นภายในปีนี้ 500 ราย
ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมต้องการเสริมสร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถดำเนินธุรกิจได้ อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในด้านการการบริหารเงินทุน การบริหารจัดการ บุคลากร การสร้างเครือข่ายคลัสเตอร์ โดย กสอ. จะทำหน้าที่ในการพัฒนาผู้ประกอบการให้มีศักยภาพก่อนส่งให้สถาบันการเงินพิจารณาให้การสนับสนุนด้านสินเชื่อเพื่อให้กระบวนการพัฒนาครบวงจร ซึ่งกรมจะทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการใน ด้านต่าง ๆ ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เอื้ออำนวยต่อภาคธุรกิจนั้น ๆ มากที่สุด ดังนั้น กรมฯ จึงได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) กับสถาบันการเงิน 14 แห่ง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ 1.ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 2.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 3.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ 4.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) 5.ธนาคารออมสิน 6.ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 7.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 8.ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 9.ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) 10.ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) 11.ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 12.ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) 13.ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) 14.ธนาคารแลนด์ แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
สำหรับในส่วนของธนาคารที่เป็นสถาบันการเงินจะเป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อเพื่อสนับสนุนเงินทุนให้ แก่ผู้ประกอบการ SMEs ภายใต้เงื่อนไขและระเบียบปฏิบัติของธนาคารและหากมีลูกค้าของธนาคารยังมีศักยภาพไม่สอดคล้องกับแนวทางการให้สินเชื่อก็จะส่งลูกค้าให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมสนับสนุนการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ตามกรอบการดำเนินงานของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จึงเป็นความร่วมมือในการพัฒนาลูกค้าร่วมกันทั้ง 2 ฝ่ายสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ได้มีการหารือตั้งแต่ปีที่ผ่านมา มีธนาคารให้ความร่วมมือในเริ่มแรก 1 ราย คือธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SMEs Bank) ซึ่งได้ให้บริการสินเชื่อแล้ว 783 ราย วงเงินสนับสนุน 2,744.93 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้กรมฯ ยังคงให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลือ SMEs ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้เข้าถึงสินเชื่อเพิ่มขึ้น ดร.สมชาย กล่าว
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากธนาคารทั้ง 14 แห่ง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน่วยงานของกรม ฯ ที่ตั้งอยู่ที่ภูมิภาคต่างๆ ซึ่งทำหน้าที่ให้บริการ SMEs ทุกรูปแบบหรือที่เรียกว่า Business Service Center (BSC) ซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคทั้ง 12 แห่ง และหน่วยงานส่วนกลางที่ สำนักบริหารยุทธ์ศาสตร์ และสำนักพัฒาอุตสาหกรรรมสนับสนุน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสามารถสอบถามข้อมูลกิจกรรม/โครงการต่าง ๆ ได้ที่ 0-2202-4414-18 หรือ เข้าไปที่ www.dip.go.th หรือ www.facebook.com/dip.pr
ศูนย์ประสานงาน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.)