ไดเมนชั่น ดาต้า ผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทั่วโลก เผยการคาดการณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในช่วง 12 เดือนข้างหน้า และการปรับเปลี่ยนของเทคโนโลยีดิจิตอลเป็นวาระสำคัญสูงสุดขององค์กร เพราะได้เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันทางธุรกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายเอเตียนน์ เรย์เนกเก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเทคโนโลยี บริษัท ไดเมนชั่น ดาต้า กล่าวว่า โซเชียล เน็ตเวิร์ค โมบิลิตี้ คลาวด์ อนาไลติกส์ และไบโมดัล ไอที (Bimodal IT) หรือ การจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งเน้นให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพทั้งในแง่ของความแม่นยำ ปลอดภัย และความรวดเร็ว คล่องตัว ได้เป็นประเด็นร้อนสำหรับอุตสาหกรรมไอทีที่มาจัดสรรหน้าที่การทำงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และทีมบุคลากรในองค์กรทั่วโลก โดยไดเมนชั่น ดาต้าให้ความสำคัญกับองค์กรในด้านงบประมาณและทรัพยากร
“แนวโน้มและเทคโนโลยีเหล่านี้จะรองรับเป้าประสงค์มากมาย เพราะสามารถปรับเปลี่ยนองค์กรเป็นองค์กรดิจิตอล อีกนัยหนึ่ง ธุรกิจยังสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อตอบสนองต่อโอกาสทางการตลาดและภัยคุกคามได้รวดเร็วขึ้น ตลอดจนสามารถจัดลำดับความสำคัญของบุคลากรที่ทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า พนักงาน และคู่ค้าทางธุรกิจ”
นายเรย์เนกเก กล่าวว่า จากการพูดคุยถึงการปรับเปลี่ยนเข้าสู่โลกของดิจิตอลซึ่งทางทีมบุคลากรของไดเมนชั่น ดาต้า เห็นว่า มีประเด็นที่องค์กรควรนำไปไตร่ตรองอย่างรอบคอบอยู่ 4 เรื่องได้แก่ ข้อมูล ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักสำคัญในการปรับเปลี่ยนองค์กร ระบบไฮบริด คลาวด์ ที่เป็นเครื่องมือในการใช้ประโยชน์ รูปแบบการทำงานสำหรับอนาคต(Workspace for tomorrow) และระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
บทบาทของข้อมูลกำลังเปลี่ยนไปจากเดิม โดยหลายปีที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลศูนย์ข้อมูลขององค์กรจะทุ่มเทเวลาและกำลังคนไปกับการดูแลด้านระบบการจัดเก็บข้อมูล และระบบการสำรองข้อมูล และมีความพยายามในการทำซ้ำข้อมูลและการลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ดังนั้น การดำเนินการจึงมุ่งไปที่การลดค่าใช้จ่ายในการจัดการข้อมูล แต่ปัจจุบัน ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปสู่การขยายขีดความสามารถในการใช้ประโยชน์จากข้อมูล และค้นหาวิธีการใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อสร้างมูลค่าทางธุรกิจ
ในเวลา 12 เดือนนับจากนี้ เราจะเห็นการใช้งานระบบ Private Cloud ภายในองค์กรเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ชาญฉลาดได้คำนึงถึงกลยุทธ์ “คลาวด์ เฟิร์ส” (Cloud First) จะผันตัวไปสู่การนำเสนอระบบคลาวด์ส่วนตัวในองค์กรรูปแบบใหม่ ๆ โดยอิงกับธุรกิจเป็นหลัก
การรวมตัวกันเป็นสังคมออนไลน์ที่เกิดขึ้นอย่างมากมายเป็นเพราะมีการสร้างเครื่องมือที่เน้นการรองรับผู้บริโภคเป็นสำคัญ เทคโนโลยีอย่างเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ ลิงค์อิน โฟร์สแควร์ และอีกมากมาย ยังทำให้เกิดการการใช้งานเชิงธุรกิจควบคู่กันไปด้วย เพื่อนำเสนอได้ทั้งไฟล์เสียง ไฟล์วิดีทัศน์ การแบ่งปันไฟล์ข้อมูลการใช้งาน และการบูรณาการขั้นตอนการปฏิบัติงานร่วมกัน รวมถึงแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เช่น โซลูชั่น “ทีม รูมมิ่ง” (Team Rooming) สปาร์ค ของซิสโก้ โซลูชั่นแยมเมอร์ (Yammer) และสไกป์สำหรับการใช้งานภาคธุรกิจของไมโครซอฟต์ (Skype for Business) ไวเบอร์ (Viber) วอทแอปส์ (WhatApps) สแลค (Slack) และอื่น ๆ อีกมากมาย
เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยหนุนให้เกิดชุมชนออนไลน์เพื่อใช้เป็นพื้นที่สื่อสารกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดำรงชีวิต การทำงาน การเลือกซื้อสินค้า และการโต้ตอบกันดัง ๆ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนแนวคิดระหว่างกัน การค้นหาผู้คนหรือข้อมูลที่ง่ายขึ้น มีความร่วมมือกันในเรื่องต่าง ๆ และนำไปสู่การตัดสินใจที่รวดเร็วขึ้น พฤติกรรมเหล่านี้จะเกิดในองค์กรมากขึ้น ๆ ในปี 2559 เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัด แม้ว่าจะอยู่กันคนละประเทศ คนละภูมิภาค และในเวลาที่แตกต่างกันในแต่ละวัน
การทำลายระบบรักษาความปลอดภัยของผู้ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักซึ่งเกิดขึ้นในปี 2558 จะยังคงเกิดต่อเนื่องไปในปี 2559 และแนวโน้มใหม่ ๆ ที่เรียกกันว่า “วัลลิ่ง” (Whaling) เพื่อสร้างความปั่นป่วนยุ่งเหยิง คือ การเห็นบรรดาแฮคเกอร์ออกล่าเหยื่อที่เป็นผู้บริหารระดับสูง ด้วยการปล่อยไวรัสคอมพิวเตอร์ “แรนซอมแวร์” (Ransomware) เพื่อหวังเอาเงินหรือข้อมูลของผู้บริหารเหล่านั้นไปใช้ในทางที่ผิด นอกจากนี้ ผู้ที่มีหน้าที่สืบหาหลักฐานการกระทำผิดจะมีบทบาทสำคัญมากในการดูแลรักษาความปลอดภัยบนทางไซเบอร์ไปอีก 12 เดือนข้างหน้าเช่นกัน