เนื้อหาวันที่ : 2015-11-02 10:21:25 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 3420 views

เกษตรไทย อินเตอร์ฯ หรือ KTIS เตรียมเดินเครื่องโรงไฟฟ้าเพิ่ม 2 โรง และออกผลิตใหม่ในสายธุรกิจน้ำตาล ดันรายได้โตต่อเนื่อง

กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS จ่อเปิดโรงไฟฟ้าใหม่เพิ่ม 2 โรง กำลังผลิตรวม 100 เมกะวัตต์ เตรียมขายไฟฟ้าปลายปีนี้ 50 เมกะวัตต์ ส่วนอีก 50 เมกะวัตต์ เปิดขายต้นปี 59 พร้อมออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือน้ำเชื่อมและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษด้วยมาตรฐานเดียวกับประเทศญี่ปุ่น ตั้งเป้ารายได้โต 10% ในปี 2559 โดยมีสัดส่วนรายได้จากสายผลิตภัณฑ์น้ำตาล 60% และจากสายการผลิตพลังงาน 40%

นายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS เปิดเผยถึงโครงการไฟฟ้าชีวมวลจากชานอ้อยว่าปัจจุบัน กลุ่ม KTIS มีโรงไฟฟ้าที่ใช้ชานอ้อยเป็นเชื้อเพลิง กำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 2 โรง ซึ่งมีกำลังการผลิตโรงละ 50 เมกะวัตต์ รวมทั้ง 3 โรงไฟฟ้าจะมีกำลังการผลิตรวม 160 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าชีวมวลใหม่โครงการแรกอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 960 ล้านบาท ส่วนโครงการที่สองอยู่จังหวัดนครสวรรค์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 960 เช่นกัน              

“โรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งใหม่ทั้ง 2 แห่งนี้เราต้องการให้ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ปลอดภัยสูงสุด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ที่สามารถผลิตไอน้ำแรงดันสูง ซึ่งทำให้ผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าเทคโนโลยีการผลิตไอน้ำแรงดันต่ำ เมื่อเทียบกับจำนวนเชื้อเพลิงเท่า ๆ กัน ซึ่ง 50 เมกะวัตต์แรกจะผลิต และขายไฟฟ้าได้ก่อนสิ้นปี 58 และอีก 50 เมกะวัตต์ จะผลิตและขายไฟฟ้าได้ในปี 59” นายประพันธ์ กล่าว

ทั้งนี้ นอกจากโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งใหม่จะสร้างรายได้ และผลกำไรที่มากขึ้นให้แก่กลุ่ม KTIS แล้ว ยังสามารถรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคตที่จะเพิ่มขึ้นจากโครงการขยายกำลังการผลิตน้ำตาล และธุรกิจต่อเนื่องด้วย เพราะไฟฟ้าที่ผลิตได้นี้จะนำไปใช้ในกลุ่ม KTIS ก่อน ส่วนที่เหลือจึงจะขายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.

นอกจากนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม KTIS ยังกล่าวอีกว่า สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ในสายธุรกิจน้ำตาล คือ โครงการผลิตน้ำเชื่อม (Liquid Sucrose) ด้วยกำลังการผลิต 400 ตันต่อวัน หรือ 4 แสนกิโลกรัมต่อวัน และโครงการผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ (Super Refined Sugar) ด้วยกำลังการผลิต 500 ตัน หรือ 5 แสนกิโลกรัมต่อวัน ซึ่งขณะนี้กำลังก่อสร้าง และติดตั้งเครื่องจักรเกือบจะแล้วเสร็จแล้ว คาดว่าจะเริ่มทดลอง และเดินเครื่องผลิตได้ก่อนสิ้นปี 58 นี้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะมีมูลค่าสูงกว่าปกติ เพราะน้ำตาลชนิดพิเศษเทียบกับน้ำตาลธรรมดาจะมีส่วนต่างกันถึง 80-100 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โดยโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากบริษัท นิสชิน ชูการ์ และบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของนิสชิน ชูการ์ รวมทั้งเป็นผู้ถือหุ้นของ KTIS ด้วยเช่นกัน ขั้นตอนการผลิตของเราถูกออกแบบให้มีมาตรฐานที่สูง มีประสิทธิภาพและคุณภาพตามมาตรฐานของบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น

ซึ่งจากการเพิ่มสายการผลิตดังกล่าว จะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจน้ำตาลไม่ลดลงเมื่อเทียบกับราคาน้ำตาลที่ยังคงปรับตัวลดลงตามราคาตลาดโลก และจะมีฐานรายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวลเข้ามาเสริม ซึ่งคาดว่าในปี 2559 บริษัทจะมีรายได้เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปี 2558 โดยมีจะสัดส่วนรายได้จากสายผลิตภัณฑ์น้ำตาล 60% และจากสายการผลิตพลังงาน 40% ปรับลดและเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน ซึ่ง KTIS มีสัดส่วนรายได้จากการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลและกากน้ำตาล 74% สายชีวพลังงานและผลิตภัณฑ์ 26%

“นอกจากนี้ การเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นของบริษัท ยังจะได้อานิสงส์จากราคาน้ำตาลตลาดโลกปี 2559 ที่บริษัทมองจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้ โดยคาดว่าราคาน้ำตาลจะเฉลี่ยเคลื่อนไหวอยู่ที่ 13.5-15 เซนต่อปอนด์ เนื่องจากปริมาณสำรองของประเทศต่าง ๆ ซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ของโลกปรับตัวลดลง จึงเชื่อว่าจะได้เห็นความต้องการโดยเฉพาะจากประเทศจีนปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับทิศทางความต้องการทางด้านพลังงานทดแทนมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นตามกระแสโลก ส่งผลกระทบต่อการใช้เอทานอลมีทิศทางเติบโตอย่างชัดเจน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาขายในตลาดโลกสูงขึ้นแทบทั้งสิ้น และเป็นผลดีต่อธุรกิจของ KTIS ด้วยเช่นกัน” นายประพันธ์ กล่าว

คณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าไทยเอกลักษณ์เพาเวอร์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาด 50 MW โดยใช้เชื้อเพลิงชีวมวลจากชานอ้อย ที่เหลือจากโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ โรงไฟฟ้าแห่งนี้ใช้งบลงทุนประมาณ 960 ล้านบาท และเป็นหนึ่งในธุรกิจของกลุ่มบริษัทเกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS