เนื้อหาวันที่ : 2015-09-16 17:11:45 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1516 views

คุณยังใช้วิธีการปรับปรุงระบบ SDN ที่แทบจะไม่ทำให้เครือข่ายของคุณดีขึ้นอยู่อีกหรือไม่?

คุณยังใช้วิธีการปรับปรุงระบบ SDN ที่แทบจะไม่ทำให้เครือข่ายของคุณดีขึ้นอยู่อีกหรือไม่?

โดย ยีน เทอร์เจียน, รองประธานบริษัทและหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี, สถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ อวาย่า

 

ระบบเครือข่ายของคุณดูแย่มาก  ผมแน่ใจว่าคุณต้องเห็นด้วยแม้ว่าคุณไม่อยากจะยอมรับต่อสาธารณะก็ตาม หากมันดูเหมือนกับองค์กรใดองค์กรหนึ่งที่ผมเคยไปเยี่ยมเมื่อไม่นานมานี้  เครือข่ายขององค์กรเหล่านั้นมีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์รุ่นเก่าและดูยุ่งเหยิงไปหมดแถมยังถูกนำมาใช้งานร่วมกับโปรโตคอลที่ล้าสมัยอีก  ติดแร็กตรงนี้ เดินสายตรงนั้น ฯลฯ และท้ายที่สุดมันก็ใช้การไม่ได้

แต่ถ้าคุณเกิดโชคไม่ดีเพราะบางครั้งระบบดันใช้การไม่ได้ในเวลาที่แย่ที่สุดของคุณล่ะ!!

ในทุกๆ วัน งานส่วนใหญ่ของธุรกิจจะตกไปอยู่ที่ระบบเครือข่ายมากขึ้น - แอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ถูกนำมาใช้ มีอุปกรณ์มาต่อพ่วงมากขึ้น ต้องการแบนด์วิทธ์มากขึ้น และมีผู้ใช้เข้ามาเชื่อมต่อระบบเพิ่มขึ้นไม่มีที่สิ้นสุด  นอกจากที่ระบบคลาวด์-อุปกรณ์เคลื่อนที่-ระบบวิเคราะห์-โซเชียลมีเดียจะถูกแปลงให้เป็นความเร็วของการทำธุรกิจไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว ยังเป็นการสร้างช่องว่างความคล่องตัวที่กว้างขึ้นระหว่างความเร็วของการทำธุรกิจและความสามารถของระบบเครือข่าย  ช่องว่างนี้กว้างขึ้นและธุรกิจกำลังประสบปัญหา  ต้นทุนการเสียโอกาสของความไร้ประสิทธิภาพที่จะจัดหาการเชื่อมต่อที่มีเสถียรภาพและรวดเร็ว และการใช้อุปกรณ์ ถือเป็นสิ่งที่มีค่ามากสำหรับพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวใหญ่ที่สุดของโลก นั่นคือ เอเชียแปซิฟิก[1]  การประเมินเทคโนโลยีล่าสุดของ IDC แสดงให้เห็นว่ามูลค่าของตลาด SDN ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคจะสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 3 ปีข้างหน้าพร้อมทั้งเป็นโอกาสสำหรับผู้ให้บริการระบบคลาวด์ที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่และการจัดวางระบบให้กับองค์กร

ขณะที่ SDN เป็นความหวังสำหรับวิธีการเชิงสถาปัตยกรรมที่ง่ายขึ้นและมีความคล่องตัวขึ้น แต่โมเดลที่ใช้กันทั่วไปก็ยังไม่ได้สมบูรณ์แบบนัก  พวกเขาลืมตัว “N” ที่อยู่ในคำว่า “SD”  ความพยายามส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ศูนย์ข้อมูล  วิธีการส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การนำฮาร์ดแวร์ใหม่เข้ามาหรือการวางซ้อนระบบซอฟต์แวร์เพื่อให้สามารถใช้งาน SDN ได้ แต่สิ่งที่น่าคิดคือว่าความพยายามเหล่านี้ในการที่จะทำให้ได้ความง่ายมากขึ้นกลับมีผลทำให้เกิดความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น  โปรโตคอลที่ต้องจัดการมีมากขึ้น ฮาร์ดแวร์ใหม่ที่ต้องจัดระบบมีมากขึ้น นี่แหละสิ่งที่เรียกว่า การปรับปรุงอย่างไรก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย!!

ลองมองไปที่ชีวิตจริงที่ผมได้เห็นและได้ยินมาอย่างเจ็บปวดด้านล่างนี้

โรงพยาบาลกำลังเต็มไปได้อุปกรณ์เคลื่อนที่นอกเหนือจากทีมอุปกรณ์เคลื่อนที่และบ่อยครั้งก็ยังมีทีมดูแลจากระยะไกลด้วย  อุปกรณ์วินิจฉัยบางอย่าง เช่น เครื่องฉายเอ็กซเรย์ที่ใช้สำหรับคนไข้จะทำให้เกิดผลที่สามารถเข้าถึงได้ทันทีโดยผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ห่างออกไปถึงสี่เมืองซึ่งจะเป็นผู้ให้คำปรึกษากับนักรังสีวิทยาเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการรักษาคนไข้ที่เข้ารับการรักษาได้ทันที

การปฏิบัติตามข้อกำหนดจำเป็นต้องมีความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลเมื่อมันเดินทางผ่านระบบเครือข่าย  การกระจายข้อมูลจำเป็นต้องมีแบนด์วิทธ์ ความเร็ว และความยืดหยุ่น  ทุกๆ คนและทุกๆ สิ่งที่เชื่อมต่อกันอย่างมั่นคงปลอดภัยอาจจะพบกับฝันร้ายอย่างเทียบไม่ได้ แต่ยังมีสิ่งที่น่าเป็นห่วงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการป้องกันส่วนที่เหลือของเครือข่ายจากการคุกคามที่อาจจะเป็นไปได้  นอกจากนี้ทีมดูแลยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของพนักงานระบบเคลื่อนที่ที่นำไปสู่ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในการเชื่อมต่อกับพนักงานและให้บริการกับพวกเขา ในเวลาเดียวกันก็จะเกิดแรงกดดันให้ตัดต้นทุนของระบบไอที (IT)

ด้วยแนวคิดอินเทอร์เน็ตคือทุกสิ่ง (Internet of Things) ซึ่งกลายเป็นแบบแผนที่มีบทบาทในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การผลิต การค้าปลีก การให้บริการทางการเงิน และภาครัฐซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนแนวคิดเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) แต่ถึงกระนั้นตามที่ผมได้พูดก่อนหน้านี้ ทั้งระบบไอทีและตัวระบบเครือข่ายเองกำลังใช้การไม่ได้ พวกมันใช้การไม่ได้ภายใต้ภาระของระบบที่มีความซับซ้อน ความต้องการความคล่องตัว และวิธีการที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานในปี 2015 และสิ่งที่ทำให้แย่ไปกว่านั้นก็คือ 83% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่ทำงานทางด้านไอทีในการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ที่เราได้ทำผ่านทางไดนามิกส์ มาร์เก็ต (Dynamic Market) ต่างก็ระบุว่าการกำหนดหรือการตั้งค่าโครงแบบการให้บริการ (รวมถึงการเพิ่มอุปกรณ์และผู้เข้าใช้ในระบบเครือข่าย) คือปัญหาที่น่าเวียนหัวมากที่สุดของ SDN ที่จำเป็นต้องมีการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน

เราต้องคิดใหม่เกี่ยวกับการเข้าถึง SDN ของเรา  เราต้องคิดใหม่เกี่ยวกับความเรียบง่ายที่อยู่นอกเหนือขอบเขตศูนย์ข้อมูล  เราต้องทำให้มันง่ายขึ้นสำหรับอุปกรณ์ในการเชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่ายของบริษัทได้อย่างปลอดภัย  เราจำเป็นต้องคิดใหม่ตั้งแต่ต้นเกี่ยวกับวิธีการออกแบบระบบเครือข่ายสำหรับรุ่นถัดไปในอนาคต

จะเกิดอะไรขึ้นหากระบบเครือข่ายถูกทำให้เป็นจุดเชื่อมต่อระบบอนุกรมที่ปรับเปลี่ยนได้ง่ายขึ้น?  นั่นคือ เมื่อเจ้าหน้าที่ไอทีเชื่อมต่อทุกสิ่งไปยังเครือข่าย  ระบบเครือข่ายอัตโนมัติสามารถที่จะทำงานเหมือนกับระบบเครือข่ายแบบแมนวลหรือไม่?  วิธีการเชิงโครงสร้างจากศูนย์ข้อมูลไปยังขอบนอกสามารถที่จะทำสิ่งนี้ได้และฟังก์ชั่นการทำงานส่วนใหญ่ของระบบเครือข่ายอัตโนมัติจะทำงานผ่านซอฟต์แวร์

ธุรกิจจำเป็นต้องเสาะหาเทคโนโลยีที่ยินยอมให้อุปกรณ์ของบริษัทภายนอกสามารถเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายได้อย่างมั่นคงปลอดภัยผ่านอะแดปเตอร์ที่สามารถทำการเชื่อมต่อแบบอัตโนมัติและไดนามิกส์ ความคล่องตัว ความสามารถของอุปกรณ์เคลื่อนที่ และความมั่นคงปลอดภัยที่ปรับแต่งได้บนพื้นฐานของความเหมือนกันของอุปกรณ์  บริการและนโยบายความมั่นคงปลอดภัยทั้งหมดเป็นการปฏิบัติตามอุปกรณ์และอะแดปเตอร์  สิ่งนี้ช่วยกำจัดภาระในการติดตั้งจากฝ่ายไอที  ยินยอมให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายได้ง่าย รับประกันได้ว่าการกำหนดโครงแบบของระบบจะถูกจัดการโดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้การเข้าถึง SDN จำเป็นต้องยินยอมให้พนักงานเข้าได้จากระยะไกล จากทีมดูแลจนถึงตัวแทนบริการลูกค้า เพื่อเชื่อมต่ออย่างไร้ขอบเขตไปยังระบบเครือข่ายของบริษัทโดยไม่สูญเสียการควบคุมที่จำเป็น รวมถึงการเข้าถึงและความเป็นหนึ่งเดียวกันและการเฝ้าตรวจสอบคุณภาพบริการผ่านโทรศัพท์  นั่นหมายถึงการจัดการอุปกรณ์จากระยะไกลและการจัดให้มีการเฝ้าตรวจสอบคุณภาพบริการ และยังต้องเปิดโอกาสให้ตัวแทนสามารถเข้าไปในสภาพแวดล้อมเครือข่ายที่มีความมั่นคงปลอดภัยโดยไม่จำเป็นต้องมีการแทรกแซงจากฝ่ายไอทีเพื่อที่จะเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยและลดต้นทุนการดำเนินงาน

สิงที่เริ่มต้นจากเสียงกระซิบเบาๆ ของศูนย์ข้อมูลดาต้าเซ็นเตอร์กำลังเติบโตด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นเพื่อครอบคลุมไปยังระบบเครือข่ายเพื่อเรียกร้องวิธีการทำงานที่ง่ายขึ้นเนื่องจากเกิดความเบื่อหน่ายในความซับซ้อนและต้นทุนเครือข่ายที่ล้าหลัง  CIO กำลังมองหา SDN เพื่อจัดการกับข้อเรียกร้องและความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากแอพพลิเคชั่นที่ซับซ้อนขึ้นและผู้ใช้ที่คล่องตัว  แต่การทำงานที่ซ้ำซ้อนของ SDN ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่การแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่ไม่เพียงพอมากกว่าที่จะเป็นการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง เปรียบเสมือนการปิดพลาสเตอร์ยาบนแผลที่ถูกกระสุนยิง ซึ่งสุดท้ายก็จะทำให้เกิดความซับซ้อนมากขึ้นกว่าความคล่องตัว

ไม่ใช่ว่าการทำงานซ้ำซ้อนของ SDN จะเท่าเทียมกันเสมอ หรือสถาปัตยกรรมใดๆ สามารถที่จะตอบสนองความต้องการของธุรกิจได้ทุกครั้งไป  บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องเข้าใจความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาและเลือกระบบที่จัดการกับความต้องการเหล่านั้นได้อย่างเหมาะสมที่สุด การเสริมด้วยความรู้เรื่องนี้ ทำให้ธุรกิจรับทราบถึงสิ่งที่สถาปัตยกรรมสามารถที่จะให้ได้ในความเป็นจริงและอะไรที่ไม่สามารถทำได้จริง

 

[1] GSMA:  The Mobile Economy Asia Pacific 2014