เนื้อหาวันที่ : 2015-09-01 11:33:17 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1794 views

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยผลสำรวจการใช้พลังงานของภาคธุรกิจไทย ตอกย้ำกระแสการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จัดทำผลสำรวจด้านพลังงาน (Energy Survey) จากผู้เข้าร่วมงาน Xperience Efficiency 2015 กว่า 1,200 ราย ใน 4 จังหวัดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมทั้ง กรุงเทพมหานคร ระยอง ขอนแก่น และสุราษฎ์ธานี ผลสำรวจชี้ชัดทั้งภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมต่างมุ่งให้ความสำคัญกับแนวคิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (energy efficiency) เพื่ออนาคตทางธุรกิจที่ยั่งยืน

มร.มาร์ค เพลิทิเยร์ ประธาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย กล่าวว่า “ในการสำรวจดังกล่าว ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้แยกผลการสำรวจการใช้พลังงานออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มภาคธุรกิจ อันประกอบไปด้วย องค์กรธุรกิจขนาดต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร และภาคอุตสาหกรรมต่างจังหวัด ซึ่งประกอบด้วยผู้ผลิตจากอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อเป็นการรับทราบแนวคิด ตลอดจนความพร้อมขององค์กรธุรกิจ ผู้ประกอบการ และผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ ในการนำแนวคิด และเทคโนโลยีด้านการประหยัดพลังงาน ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ” 

จากผลสำรวจ ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมต่างมองว่าต้นทุน และค่าใช้จ่ายด้านพลังงานคือภาระชิ้นสำคัญทั้งในการดำเนินธุรกิจ และในการการผลิตสูงถึงร้อยละ 90 และร้อยละ 88 ตามลำดับ ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสองกลุ่มต่างต้องการที่จะนำแนวคิดด้านการประหยัดพลังงาน และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเข้ามารวมอยู่ในแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคตสูงถึงร้อยละ 88 ในกลุ่มธุรกิจ และร้อยละ 91 จากกลุ่มผู้ผลิต 

หากพิจารณาถึงอุปสรรคสำคัญในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพแล้วนั้น ทั้งสองกลุ่มให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า อันดับ 1) คือการขาดความรู้ ความเข้าใจที่มีต่อการใช้พลังงาน (ร้อยละ 43 ในกลุ่มผู้ผลิต และร้อยละ 37 ในกลุ่มธุรกิจ) อันดับ 2) คือต้นทุน และค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์ (ร้อยละ 38 ในกลุ่มผู้ผลิต และร้อยละ 35 ในกลุ่มธุรกิจ) อันดับ 3) คือการได้รับความเห็นชอบ และยอมรับจากฝ่ายบริหาร (ร้อยละ 10 ในกลุ่มผู้ผลิต และร้อยละ 15 ในกลุ่มธุรกิจ) 

นอกจากนี้ การสำรวจยังเจาะลึกถึงความต้องการของทั้งภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมว่าต้องการปรับส่วนใดในการทำงานพื่อให้องค์กร หรือโรงงานมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือเป็น “กรีน” เพิ่มมากขึ้น ทั้งสองกลุ่มมีความเห็นเดียวกันคือ การปรับระบบการใช้แสงสว่าง (Lighting) เป็นอันดับแรกที่อยากมีการปรับเปลี่ยน โดยในอันดับ 2 กลุ่มธุรกิจใ ห้ความสนใจในการปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับระบบความร้อนความเย็นและระบบปรับอากาศ (HVAC) 

 “ชไนเดอร์ อิเล็กทริค ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านระบบการบริหารจัดการพลังงานและออโตเมชั่น รู้สึกยินดีที่ได้เห็นว่าทั้งภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมของไทย ต่างตระหนักและหันมาให้ความสำคัญในด้านการประหยัดพลังงาน รวมถึงการเตรียมความพร้อมที่จะนำแนวคิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเข้าไปใช้ในการวางแผนการดำเนินงาน และการทำธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน อย่างแท้จริงในอนาคต โดย ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จะเดินหน้าสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสู่ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในวงกว้าง เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถวางแผนจัดการพลังงานอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด” มร.มาร์ค กล่าวทิ้งท้าย