เนื้อหาวันที่ : 2015-04-30 15:57:25 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 832 views

KTIS ไว้วางใจใช้เทคโนโลยีจากซีเมนส์ในการทำออโตเมชั่น

KTIS โรงงานน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดของโลกไว้วางใจใช้เทคโนโลยีจากซีเมนส์ในการทำออโตเมชั่น ซีเมนส์จับมืออัลลายด์เทคเข้าทำงานกับ KTISพัฒนากำลังการผลิตและประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้ถึง 30%

KTIS โรงงานน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดของโลกไว้วางใจใช้เทคโนโลยีจากซีเมนส์ในการทำออโตเมชั่น ซีเมนส์จับมืออัลลายด์เทคเข้าทำงานกับ KTISพัฒนากำลังการผลิตและประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้ถึง 30%


ซีเมนส์ ผู้ให้บริการสินค้า และโซลูชั่นสำหรับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมที่มีนวัตกรรมและมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมชั้นนำของโลก ได้แถลงข่าวความสำเร็จของการติดตั้ง ชุดส่งกำลังขับเคลื่อนไฟฟ้า-เครื่องกล ณ บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) [Kaset Thai International Sugar Corporation Public Company Limited (KTIS)] โรงงานน้ำตาลที่มีกำลังการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของโลกและมีฐานการผลิตอยู่ในประเทศไทย


ซีเมนส์ร่วมกับพันธมิตรอัลลายด์เทค บริษัทผู้ผลิตลูกหีบสำหรับโรงงานน้ำตาล (OEM) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในการติดตั้ง โซลูชั่น ระบบขับเคลื่อน (drives solution) คุณภาพชั้นนำโดยใช้เทคโนโลยี Integrated Drive Systems (IDS) ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักวางใจและเชื่อถือได้จากซีเมนส์ เพื่อนำมาใช้งานแทนระบบขับเคลื่อนไอน้ำ (Steam Turbine) ที่ใช้มาแต่เดิม และเพิ่มประสิทธิภาพของโรงงานขึ้นอีกถึง 30% โดยใช้ ชุดขับ ขนาด 1000 kW Heavy Duty Pressure Feeder Drives และ 2050 kW Mill Drives จากซีเมนส์เนื่องจากมีขนาดกะทัดรัด สะดวกในการติดตั้งและใช้งาน อีกทั้งทนทานต่อสภาวะการใช้งานที่หนักหน่วง ในสภาวะที่มีความร้อน,ความชื้นและฝุ่น จากกระบวนการหีบอ้อยในโรงงานน้ำตาล


ดีเทอร์ บร็อคเคิล รองประธานอาวุโส, กลุ่มธุรกิจ Digital Factory Division (DF) และ Process Industries & Drives (PD) ซีเมนส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “เรามีความยินดีอย่างยิ่งต่อการที่กลุ่ม KTIS ได้รับผลประโยชน์จากเทคโนโลยี IDS อันล้ำสมัยล่าสุดของซีเมนส์ โดยคณะผู้บริหารของกลุ่ม KTIS มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในอันที่จะมุ่งมั่นพัฒนา เสริมสร้างมูลค่าและคุณค่าของผลิตภัณฑ์ และสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมการทำงานที่มีความปลอดภัยแก่พนักงาน เราเชื่อว่ากลุ่ม KTIS ได้ดำเนินพันธกิจทางธุรกิจมาในทิศทางที่ถูกต้องในการเตรียมพร้อมเพื่อการลงทุนในธุรกิจใหม่และเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในปัจจุบัน”


โรงงานน้ำตาลเกษตรไทยฯ หนึ่งในโรงน้ำตาลของกลุ่ม KTIS มีกำลังการหีบอ้อยเพื่อใช้ในการผลิตน้ำตาล 55,000 ตันอ้อยต่อวัน และจำหน่ายน้ำตาลสู่ตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ การผลิตจำนวนมากเช่นนี้ย่อมส่งผลกดดันต่อระบบขับเคลื่อนไอน้ำแบบดั้งเดิม คณะผู้บริหารของกลุ่ม KTIS ตระหนักในความสำคัญนี้ จึงนำระบบออโตเมชั่นเข้ามาพัฒนาปรับปรุงกำลังการผลิตเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และมั่นคงของธุรกิจต่อไป


ประพันธ์ ศิริวิริยะกุล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม KTIS กล่าวว่า “เรามีความประทับใจต่อการสนับสนุนจากทีมงานซีเมนส์ จากประสบการณ์ของเรา พอจะกล่าวได้ว่ามีเพียงไม่กี่บริษัทเช่น ซีเมนส์ที่มีศักยภาพ และเทคโนโลยีเพียงพอที่จะสามารถจัดหาระบบขับเคลื่อนได้ตามที่เรากำหนด ไม่เพียงแต่ทำให้โรงงานของเราทันสมัยยิ่งขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น แต่ยังได้ช่วยประหยัดพลังงานให้เราได้อย่างมาก รวมทั้งระบบขับเคลื่อน ที่ไว้วางใจพึ่งพาได้ว่าจะสามารถรับมือกับระบบการทำงานของเครื่องจักรที่ต้องการกำลังขับและแรงบิดสูง


สิ่งแปลกปลอม เช่น ก้อนหิน หรือ กรวดเคยเป็นสิ่งที่มักจะทำให้กระบวนการหีบอ้อย (ลูกหีบ) ติดขัดเมื่อครั้งที่ยังใช้งานระบบขับเคลื่อนไอน้ำอยู่ ปัจจุบัน เทคโนโลยี IDS ของซีเมนส์สามารถต้านแรงสะเทือน (shock) ได้สูง จึงสามารถลดผลกระทบจากสิ่งแปลกปลอมที่ปนมากับวัตถุดิบได้ดี นอกจากนี้ มลภาวะทางเสียงและการรั่วไหลของไอน้ำ ก็เป็นอีกประเด็นที่ ระบบขับเคลื่อน ตัวใหม่นี้สามารถจัดการได้เป็นอย่างดี


สมเกียรติ ว่องกิตติกูล กรรมการบริหาร อัลลายด์เทค กล่าวว่า “ในฐานะ OEM เราพบว่าพอร์ตโฟลิโอที่มีมาตรฐานของซีเมนส์ทำให้เราสามารถปรับปรุง และนำเสนอสินค้าสำเร็จรูปตามความเหมาะสมของลูกค้าแต่ละบริษัทได้ดี กลุ่ม KTIS ถือเป็นกรณีศึกษาชั้นเลิศเกี่ยวกับธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูงและมีผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีในด้าน อุตสาหกรรมการขับเคลื่อน สามารถร่วมมือกันพัฒนายกระดับประสิทธิภาพได้ในทุกด้าน”


กลุ่ม KTIS เปิดสายการผลิต 24 ชั่วโมงทุกวันทำการในรอบ 4-5 เดือน รูปแบบการปฏิบัติงานที่หนักหน่วงเช่นนี้เปิดโอกาสให้วิศวกรจากซีเมนส์ได้นำความเชี่ยวชาญมาสนับสนุน ให้แนวทางการทำงานและเป็นที่ปรึกษาให้แก่กลุ่ม KTIS ทั้งนี้ 2 ใน 5 โรงงานได้มีการติดตั้งเทคโนโลยี IDS ของซีเมนส์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ดำเนินการให้เป็นที่แน่ใจว่าระบบการทำงานจะดำเนินต่อเนื่องตามโครงสร้างกำหนดเวลา โดยมีการหยุดเดินเครื่องจักรน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ระหว่างขั้นตอนการอัพเกรดงาน