บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของกลุ่มเอ็กโก ไตรมาสแรก สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 ว่า กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 2,070 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 573 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 38 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2548  คิดเป็นกำไรสุทธิจำนวน 3.21 บาทต่อหุ้น

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโก แถลงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2549 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 มีกำไรสุทธิเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 2,070 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 573 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 38 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2548  ทั้งนี้รายได้หลักยังคงเป็นรายได้ค่าไฟฟ้าที่มาจากกลุ่มธุรกิจ IPP คือ โรงไฟฟ้าระยอง และโรงไฟฟ้าขนอม  โดยคิดเป็นจำนวนรวม 2,809 ล้านบาท นอกจากนี้ ในกลุ่มธุรกิจ SPP และโรงไฟฟ้าต่างประเทศยังสร้างรายได้ค่าไฟฟ้ารวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,578 ล้านบาท

นายวิศิษฎ์ อัครวิเนค กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของกลุ่มเอ็กโก ไตรมาสแรก สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 ว่า กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 2,070 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 573 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 38 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2548  คิดเป็นกำไรสุทธิจำนวน 3.21 บาทต่อหุ้น

ปัจจุบันเอ็กโกมีกำลังผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้น (Equity MW) รวมทั้งสิ้น 2,414 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่และเล็กรวมทั้งสิ้น 12 โรง โดยร้อยละ 85 ของกำลังผลิต มาจากโรงไฟฟ้าของ บริษัท ผลิตไฟฟ้าระยอง จำกัด ซึ่งมีกำลังผลิตติดตั้ง 1,232 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าของ บริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด ซึ่งมีกำลังผลิตติดตั้ง 824 เมกะวัตต์ โดยทั้ง 2 โรงไฟฟ้าใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก นอกจากนี้บริษัทกำลังพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าอีก 4 โครงการ ซึ่งคิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งในส่วนการถือหุ้นของเอ็กโก จำนวนรวม 1,021 เมกะวัตต์ ได้แก่   โครงการแก่งคอย 2    โครงการน้ำเทิน 2 โครงการกัลฟ์ ยะลา กรีน,   และโครงการขยายกำลังการผลิตที่ อมตะ เพาเวอร์ บางปะกง  ซึ่งหากรวมทั้ง 4 โครงการดังกล่าวแล้ว เอ็กโกจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 3,435 เมกะวัตต์ ในปี 2552   หรือมีสัดส่วนทางการตลาดเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 9 เป็นร้อยละ 10 ของโรงไฟฟ้าทั้งระบบในประเทศไทย นายวิศิษฎ์กล่าว

นอกจากนี้ นายวิศิษฎ์ อัครวิเนค ยังได้กล่าวย้ำถึงนโยบายและแผนการดำเนินธุรกิจของเอ็กโกด้วยว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจผลิตไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ โดยวางสัดส่วนการลงทุนในประเทศและต่างประเทศอยู่ที่ 70:30  ทั้งนี้ในส่วนของการลงทุนต่างประเทศ  บริษัทฯ ได้ขยายสัดส่วนจากเดิมร้อยละ 10  มาเป็นร้อยละ 30   โดยในช่วงแรกเอ็กโกจะเน้นการลงทุนและพัฒนาธุรกิจผลิตไฟฟ้าในประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ ลาว พม่า กัมพูชา ฟิลิปปินส์ ฯลฯ