มายด์แชร์ชี้ปีหน้าแบรนด์ควรบริหารและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนากลยุทธ์การสื่อสารที่ครอบคลุมทุกช่องทางอย่างเต็มระบบ รับมือความคาดหวังของผู้บริโภคยุคหลายจอ
มายด์แชร์ เอเยนซี่เครือข่ายด้านการตลาดและการสื่อสาร เผยในวันนี้ถึงโอกาสในการสร้างแบรนด์ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว โดยความท้าทายของแบรนด์อยู่การบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่อย่างมหาศาล (Big Data) เปลี่ยนจากตัวเลขไปเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจทางการตลาด (Smart Data) และแบรนด์ต้องพัฒนาแคมเปญผ่านทุกช่องทาง และยังต้องใส่ใจกับความต้องการการรับชมและการดึงความสนใจเมื่อความต้องการการรับชมถูกแย่งไปสู่ช่องทางอื่น ย้ำเป็นโอกาสของแบรนด์ในการทำการตลาดที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้รู้สึกว่าผู้บริโภคเป็นคนที่ใส่ใจในสุขภาพ
ปัทมวรรณ สถาพร – กรรมการผู้จัดการ มายด์แชร์ กล่าวว่า “ทิศทางการสื่อสารการตลาดของแบรนด์ต้องสามารถปรับเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค และต่อความท้าทายใหม่ๆ เราเห็นว่าช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวเป็นโอกาสของแบรนด์ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจไปในเชิงบวกด้วยการบริหารและจัดการกับข้อมูลที่มีมากมายมหาศาลให้เป็นประโยชน์ (Big Data to Smart Data) เพื่อนำมาวิเคราะห์และปรับกลยุทธิ์การสื่อสารการตลาด”
มายด์แชร์ยังได้ให้มุมมองต่อการตลาดสำหรับปี 2558 ดังต่อไปนี้
- ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาจะโตที่ประมาณ 4-7% ในปี พ.ศ. 2558
- แพลตฟอร์มที่มีบทบาทเด่นชัดในปีหน้ายังคงเป็นมือถือสมารท์โฟน และทีวี (ฟรีทีวี เคเบิ้ล แซตเทิ้ลไลท์และดิจิตอลทีวี)
- ดิจิตอลทีวีคาดว่าจะโตได้ถึง 20% จากสัดส่วนการรับชมทีวีทั้งหมด
- ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคจะทำให้เข้าสู่ยุคของมัลติสกรีนที่ชัดเจนขึ้น แบรนด์ต้องพัฒนา แคมเปญ ผ่านทุกช่องทางโดยที่ไม่ยึดติดกับโทรทัศน์เป็นช่องทางหลัก และแบรนด์ยังต้องใส่ใจกับความต้องการรับชม และการดึงความสนใจเมื่อความต้องการการรับชมถูกแย่งไปสู่ช่องทางอื่น
- ความสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อเปลี่ยนข้อมูลให้สามารถทราบถึง พฤติกรรมของผู้บริโภค กลุ่มเป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญ และการใช้ข้อมูลที่ชาญฉลาดรวมถึงเครื่องมือที่มีศักยภาพในการคาดการณ์ ผลลัพธ์ทางการตลาดและเพิ่มสัดส่วนผลตอบแทนต่อการลงทุนให้สูงมากชึ้นกลายเป็นเป็นวัตถุประสงค์ที่สำคัญ
- ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคในปีหน้า ยังคงเกิดขึ้นจากเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเร็ว ความหลากหลาย และความซับซ้อนขึ้น เราจะได้เห็นทั้งความต้องการแบบเดี๋ยวนี้เป็นเรื่องปกติ (Here|Now) และในทางกลับกันสำหรับผู้บริโภคกลุ่มนี่จะตั้งใจเลือกในการเสพสื่อและข้อมูล (FOMO/JOMO)