กลุ่มธารารมณ์ทะลุเป้าปี 2557 ทำยอดขายได้ 1,300 ล้านบาท มากกว่าเป้าหมาย 10 เปอร์เซ็นต์ พร้อมเดินหน้าลุยปี 2558 ตั้งเป้าโต 10 เปอร์เซ็นต์ ด้วยแผนพัฒนาโครงการบนทำเลเดิมทุกโซน
กลุ่มธารารมณ์ทะลุเป้าปี 2557 ทำยอดขายได้ 1,300 ล้านบาท มากกว่าเป้าหมาย 10 เปอร์เซ็นต์ พร้อมเดินหน้าลุยปี 2558 ตั้งเป้าโต 10 เปอร์เซ็นต์ ด้วยแผนพัฒนาโครงการบนทำเลเดิมทุกโซน
นายวสันต์ เคียงศิริ และทีมผู้บริหารกลุ่มบริษัทธารารมณ์ แถลงผลประกอบการของปี 2557 ว่า ปีนี้เป็นปีที่ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไม่สามารถเติบโตมากนัก เนื่องจากครึ่งปีแรกไม่เอื้อต่อการซื้อขาย และเริ่มคลี่คลายในครึ่งปีหลัง แต่การที่กลุ่มบริษัทธารารมณ์สามารถสร้างยอดขายได้ 1,300 ล้านบาท ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 1,200 ล้านบาทได้ เนื่องจากธารารมณ์เดินหน้าทำกิจกรรมการตลาดสม่ำเสมอมาตั้งแต่ต้นปี ไม่มีการหยุด ด้วยแคมเปญการตลาดที่หลากหลายในโครงการเดิมที่เปิดขายอยู่ สามารถปิดโครงการได้ 2 โครงการ คือ โครงการพรอเมนาด โฮม และ The Link 64
สำหรับปี 2558 คาดการณ์ว่าแนวโน้มภาพรวมของตลาดจะทรงตัว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทั้งนี้ธารารมณ์ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,400 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งยอดขายจะมาจากโครงการที่เปิดขายต่อเนื่องมาจากปี 57 และมีแผนพัฒนาโครงการใหม่บนทำเลที่มีโครงการของกลุ่มธารารมณ์ตั้งอยู่ ซึ่งครอบคลุมทุกโซนของกรุงเทพฯ และเป็นทำเลที่ธารารมณ์มีความแข็งแกร่ง ได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจากลูกค้ามานาน ได้แก่ สุขุมวิท รามคำแหง รามอินทรา พระรามสอง และบางใหญ่
นายณัฐพล มัททวกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด กล่าวถึงกลยุทธ์การตลาดในปี 2558 ว่า ปัจจัยด้านกำลังซื้อของผู้บริโภคซึ่งมีความสำคัญมากนั้น ธารารมณ์ได้วางแนวทางไว้ว่า จะหาวิธีการช่วยเสริมกำลังซื้อของลูกค้าให้มากขึ้น โดยจัดแผนทางการเงินที่หลากหลายทางเลือก ตั้งแต่เรื่องสินเชื่อ ดอกเบี้ย ประกันการซื้อ นอกจากนี้ ได้มีแผนพัฒนารูปแบบการให้บริการใหม่ ๆ และแตกต่าง เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าในทุกขั้นตอนการซื้อบ้าน ที่จะทำให้เราเข้าถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง และสามารถให้บริการและตอบสนองความต้องการ ให้ลูกค้าได้สะดวก รวดเร็ว เข้าถึง เพื่อเสริมความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อธารารมณ์ให้มากขึ้น
นายคณิต ฉายรัตนอภิรมย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด กล่าวถึงกลยุทธ์ด้านการบริหารงานก่อสร้างว่า ปี 2558 การก่อสร้างจะยังคงใช้กลยุทธ์ Outsource เป็นหลัก ซึ่งเป็นการจ้างผู้รับเหมาเจ้าประจำที่ทำงานร่วมกับบริษัทมากกว่า 10 ปี จนเป็นคู่ค้า ประกอบกับการขายบ้านดาวน์ที่ยังมีระยะเวลาผ่อนบ้าน 8-10 เดือน ผู้รับเหมาจึงมีเวลาก่อสร้างบ้านได้แบบไม่เร่งรัด ทำให้ได้คุณภาพงานก่อสร้างที่ดี มีมาตรฐาน สามารถส่งมอบให้กับลูกค้าตรงเวลา
นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มีการศึกษาการใช้ชิ้นส่วนกึ่งสำเร็จรูปจาก Outsource ผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน เช่น แผ่นพื้นสำเร็จ โครงหลังคา บันได และเลือกนำมาใช้งานตามความเหมาะสม รวมทั้งยังคงนโยบายเดิมเกี่ยวกับการเจรจาราคาโครงการกับผู้ผลิต การสร้างสาธารณูปโภคให้แล้วเสร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งโครงการ ซึ่งเป็นการคุมต้นทุนให้เพิ่มขึ้นช้าที่สุด
นายวสันต์ กล่าวย้ำว่า กลุ่มธารารมณ์ให้ความสำคัญกับการบริหารงานและการพัฒนาโครงการ ซึ่งสภาพคล่องเป็นเรื่องสำคัญกว่าการเติบโต สำหรับสินค้าที่ส่งมอบแก่ลูกค้านั้น คุณภาพยังเป็นปัจจัยหลักที่ลูกค้าให้ความสำคัญ เราจึงใส่ใจเป็นพิเศษเสมอมา รวมถึงการบริการลูกค้าด้วยความใส่ใจทุกขั้นตอนถือเป็นคุณค่าเพิ่มที่เราไม่เคยละเลย ทำให้ลูกค้ามอบความเชื่อมั่นให้ตลอด 45 ปี และเป็นความมุ่งมั่นตั้งใจที่เราจะยืนหยัดตามเจตนารมณ์ “ทุกคุณภาพเกิดจากความเข้าใจจริง” เพื่อส่งมอบให้สินค้าและบริการที่ดีให้ลูกค้าต่อไป
Thailandindustrycom_official
