ภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศไทยยังไม่ได้เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ เนื่องจากปัจจัยหลายๆ อย่างยังคงมีผลโดยตรงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการส่งออกที่ยังคงติดลบต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ปีที่ผ่านมา อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมายังคงต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 10% ซึ่งมีผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวลดลงประมาณ 7.55% จากปีที่ผ่านมา
ดังนั้นภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศจึงยังคงไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ แม้ว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาเพื่อบริหารประเทศ และพัฒนาโครงการต่างๆ ตามแผนต่อเนื่องจากรัฐบาลที่ผ่านมา และโครงการใหม่ๆ ที่ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ แต่ต้องใช้เวลามากกว่านี้ในการฟื้นความเชื่อมั่นของทั้งคนไทยเอง และชาวต่างชาติให้กลับมาเป็นเหมือนเดิท ซึ่งหลายฝ่ายตั้งความหวังว่าปีหน้าน่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้ หลังจากที่ระบบต่างๆ และโครงการต่างๆ สามารถเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ของรัฐบาล
ในไตรมาสที่ 3 พ.ศ.2557 ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครยังคงมีการเปิดขายโครงการใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยได้กล่าวขยายความถึงเรื่องนี้ว่า “ในกรุงเทพมหานครมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ประมาณ 11,700 ยูนิต ลดลงจากไตรมาสที่ 2 ประมาณ 8% ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดเปิดใหม่ในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ประมาณ 91,550 บาทต่อตารางเมตร และมีอัตราการขายที่ประมาณ 59% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้านี้ประมาณ 8%” ซึ่งนายสุรเชษฐ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมเรื่องกำลังซื้อว่า “เนื่องจากตลาดคอนโดมิเนียมยังคงไม่ได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ยอดขายของโครงการต่างๆ ที่เปิดขายก่อนหน้านี้ในไตรมาสที่ 1 – 2 ยังไม่มากนัก
แม้ว่าความเชื่อมั่นของผู้ซื้อจะมากขึ้นโดยอ้างอิงจากการสำรวจของหน่วยงานต่างๆ ก็ตาม ซึ่งมีผลให้ผู้ประกอบการบางส่วนเลือกที่จะชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ออกไปก่อน อีกทั้งต้องการที่จะรอดูความชัดเจนของโครงการรถไฟฟ้าทั้งส่วนต่อขยาย และเส้นทางใหม่ๆ ที่จะพัฒนาในอนาคตจากทางรัฐบาลว่าจะเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมเมื่อไหร่ จำนวนคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ใน 9 เดือนที่ผ่านมาของปีพ.ศ.2557 อยู่ที่ประมาณ 34,540 ยูนิต ซึ่งคาดว่าจะมีคอนโดมิเนียมอีกประมาณ 5,000 ยูนิต เปิดขายใหม่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ หรือมีจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ทั้งปีพ.ศ.2557 อยู่ที่ประมาณ 40,000 ยูนิตซึ่งจะน้อยกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 20% ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในปีพ.ศ.2557 ยังคงอยู่ในช่วงระดับราคาประมาณ 40,000 – 80,000 บาทต่อตารางเมตรมากที่สุด”
ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมในหัวเมืองสำคัญๆ ยังคงซบเซาต่อเนื่องจากช่วงปลายปีพ.ศ.2556 โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครทั้งที่ก่อนหน้านี้ 2 – 3 ปีตลาดคอนโดมิเนียมในทำเลเหล่านี้มีการขยายตัวค่อนข้างมาก “สำหรับหัวเมืองชายทะเลอย่าง พัทยาที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาปีพ.ศ.2557 อยู่ที่ประมาณ 4,000 ยูนิตเท่านั้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีพ.ศ.2556 จะพบว่าลดลงประมาณ 70% เนื่องจากคอนโดมิเนียมที่เปิดขายก่อนหน้านี้ยังคงเหลือขายอยู่ในตลาด ในขณะที่ราคาขายเฉลี่ยก็ยังคงใกล้เคียงกับปีก่อนหน้านี้ และที่มีผลโดยตรงคือการที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหายไปพอสมควร หลังจากที่มีการประกาศกฎอัยการศึก สำหรับชะอำ และหัวหิน คอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ก็ลดลงเช่นกัน โดยมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในปีพ.ศ.2557 ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ 800 ยูนิต ลดลงจากปีพ.ศ.2556 ประมาณ 67%” นายสุรเชษฐ กล่าว
นอกจากนี้นายสุรเชษฐ ยังได้กล่าวถึงตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตว่า “สำหรับหัวเมืองชายทะเลอีกแห่งที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก คือ ภูเก็ตที่ในอดีตมีโครงการวิลล่า หรือคอนโดมิเนียมที่มีระดับราคามากกว่า 30 ล้านบาทอยู่ค่อนข้างมาก แต่ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปหลังจากที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในอเมริกา และยุโรป ซึ่งตลาดคอนโดมิเนียมของภูเก็ตในปีนี้นั้นมีโครงการเปิดขายใหม่ประมาณ 2,500 ยูนิต ลดลงจากปีก่อนหน้านี้เช่นกัน คือ ลดลงไปประมาณ 43% เนื่องจากอัตราการขายในปีที่แล้วต่ำกว่า 50% จึงมีผลต่อการเปิดขายโครงการใหม่ในปีนี้”
สำหรับหัวเมืองท่องเที่ยวอีกแห่งที่กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งจากทั้งผู้ประกอบการ และผู้ซื้อในช่วง 3 – 4 ปีที่ผ่านมา
เช่น เขาใหญ่ โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่มีโครงการเปิดขายใหม่ต่อเนื่องมาในช่วงที่ผ่านมา นายสุรเชษฐ ได้กล่าวถึงตลาดเขาใหญ่ว่า “ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 พ.ศ.2557 มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 500 ยูนิต ลดลงจากปีก่อนหน้านี้ประมาณ 69% เนื่องจากอัตราการขายของโครงการต่างๆ ที่เปิดก่อนหน้านั้นต่ำกว่า 40% เขาใหญ่ยังไม่ใช่ตัวเลือกแรกในการเป็นสถานที่พักผ่อนของคนในกรุงเทพมหานครที่นิยมไปหัวเมืองชายทะเลมากกว่า แต่จะได้รับความนิยมในช่วงหน้าหนาวที่อากาศเย็นสบาย”
ตลาดคอนโดมิเนียมในหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญๆ ของประเทศไทยยังคงซบเซาต่อเนื่องจากช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ที่ยังมีผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดคอนโดมิเนียมในทำเลเหล่านั้น รวมทั้งการที่มีคอนโดมิเนียมเปิดขายเป็นจำนวนมากในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา เป็นอีกปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการขายของคอนโดมิเนียมที่ชะลอตัวลง เนื่องจากมีตัวเลือกมากในตลาด และผู้ซื้อใช้เวลาเปรียบเทียบนานขึ้น อีกทั้งผู้ซื้อคอนโดมิเนียมในหัวเมืองต่างจังหวัดส่วนหนึ่งซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง หรือเป็นบ้านพักตากอากาศ ดังนั้นการตัดสินใจซื้อจึงค่อนข้างใช้เวลานานกว่าการซื้อบ้านเพื่อการอยู่อาศัยจริงๆ
สำหรับการคาดการณ์ถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีพ.ศ.2558 นั้นคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในแง่ของอุปสงค์ โดยเฉพาะในตลาดที่อยู่อาศัย แต่ในส่วนของอุปทานนั้นยังคงมีโครงการใหม่ๆ เปิดขายต่อเนื่อง เพราะผู้ประกอบการหลายรายมีความมั่นใจว่าปีหน้าตลาดที่อยู่อาศัยจะดีขึ้น เนื่องจากความเชื่อมั่นของคนไทยที่เพิ่มมากขึ้นจากสถาณการณ์ทางการเมืองที่มีเสถียรภาพมากกว่าปีนี้ รวมทั้งโครงการต่างๆ ของภาครัฐบาลที่จะเห็นความก้าวหน้ามากขึ้นในปีหน้า แต่เรื่องที่หลายฝ่ายโดยเฉพาะในธุรกิจท่องเที่ยวต้องการให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วนที่สุดคือ การยกเลิกกฎอัยการศึกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้กลับมาเร็วขึ้นก็จะช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี และต้นปีหน้า ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหัวเมืองท่องเที่ยวต่างๆ โดยเฉพาะเมืองชายทะเลที่อุปสงค์ส่วนหนึ่งมาจากชาวต่างชาติ” นายสุรเชษฐ กล่าวสรุป