เนื้อหาวันที่ : 2014-07-25 11:40:08 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1646 views

คอนติเนนทอล ผลิตระบบเบรค EBS ครบ 250 ล้านชิ้น

คอนติเนนทอลฉลอง 30 ปีความปลอดภัยบนท้องถนน ผลิตระบบเบรค EBS ครบ 250 ล้านชิ้น

แฟรงเฟิร์ต/เมน เยอรมนี 15 ก.ค. 2557 - คอนติเนนทอล ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำของโลก ฉลองผลิตระบบเบรคอิเลคทรอนิค (EBS - Electronic Brake System) ครบ 30 ปี พร้อมเตรียมทำสถิติใหม่เพิ่มอีก 2 รายการในปีนี้ คือ ผลิตครบ 100 ล้านชิ้นจากโรงงานในแฟรงเฟิร์ต และครบ 250 ล้านชิ้นทั่วโลก โดย มร. เฟลิกซ์ เบียเทนเบค หัวหน้ากลุ่มธุรกิจไดนามิคส์ยานยนต์ของกลุ่มธุรกิจช่วงล่างและความปลอดภัย กล่าวว่า “ระบบเบรค EBS ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 ด้วยการช่วยให้รถทรงตัวได้เสถียรภาพมากขึ้น โดยระบบห้ามล้อแบบป้องกันการล็อค (ABS - Anti-lock brake system) และระบบความคุมเสถียรภาพแบบอิเล็กทรอนิค (ESC – Electronic Stability Control) เป็นระบบด้านความปลอดภัยที่สำคัญที่สุดบนท้องถนน”

 

ระบบเบรคจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 จนถึงปัจจุบัน
ระบบเบรก EBS เริ่มผลิตขึ้นในปี พ.ศ. 2527 ที่โรงงานเรอเดลไฮม์ ในเมืองแฟรงค์เฟิร์ต เมื่อระบบเบรค ABS ชิ้นแรกของคอนติเนนทอล รุ่น MKII ถูกผลิตออกมาจากสายพาน “รุ่น MKII เป็นระบบเบรค ABS รุ่นแรกแบบครบวงจรและกลายมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ถูกติดตั้งในรถยนต์รุ่นลินคอล์น คอนติเนนทอล และฟอร์ด สกอร์พิโอ ในตอนนั้นอุปกรณ์มีน้ำหนักมากถึง 11.5 กก. แต่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันล้อล็อค หรือหลายๆ ล้อล็อคขณะเบรค” มร. เบียเทนเบค กล่าว น้ำหนักของอุปกรณ์ในระบบ EBS ถูกทำให้ลดลงอย่างต่อเนื่องทีละรุ่นๆ โดยในรุ่น MK 20 มีน้ำหนักเพียง 2.7 กก. เท่านั้น และถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก เมื่อมาถึงในรุ่น MK 60 ได้ถูกพัฒนามาเป็นอุปกรณ์ ABS เพียงชิ้นเดียว โดยเป็นระบบเบรค EBS ที่เบาที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2543 โดยในระบบเบรค ECS มีน้ำหนักเพิ่มอีกเพียง 0.3 กก. ทำให้เป็นอุปกรณ์ ECS ที่เบาที่สุดในโลก ณ เวลานั้น ขณะที่ EBS รุ่น MK 100 ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ถูกผลิตขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 โดยน้ำหนักและขนาดของอุปกรณ์ได้ลดลงประมาณหนึ่งในสามจากรุ่นก่อนหน้านี้ “ผลิตภัณฑ์ในตระกูล MK 100 ของคอนติเนนทอล ได้รับการออกแบบแยกเป็นชิ้นส่วน เพื่อให้ผู้ผลิตสามารถวัดขนาดของระบบเบรคตามความต้องการได้ โดยเริ่มต้นที่ ABS สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ เรื่อยไปถึง ABS ในรถยนต์ขนาดเล็ก จนถึงรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงระดับไฮเอ็นโซลูชั่นสำหรับรถบรรทุกหนัก” มร. เบียเทนเบค กล่าวต่อ

 

แม้ว่าในปี พ.ศ. 2531 ระบบ EBS ถูกผลิตขึ้นมาใช้น้อยกว่า 500,000 ชิ้น แต่ในปี พ.ศ. 2541 จำนวนการผลิตได้เพิ่มมากขึ้นถึง 10 เท่า ด้วยจำนวนมากกว่า 5 ล้านชิ้น และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ระบบ EBS ได้ถูกผลิตขึ้นมามากกว่า 10 ล้านชิ้นในแต่ละปี จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2556 จำนวนผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านชิ้น และด้วยจำนวนการผลิตมหาศาล ในปีนี้ คอนติเนนทอลจึงจะฉลองการผลิตระบบเบรค EBS ครบ 250 ล้านชิ้น จากโรงงานในแฟรงค์เฟิร์ต และอีก 5 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่ฮะมะคิตะ (ญี่ปุ่น), เมเชเลน (เบลเยียม), มอร์แกนตัน (สหรัฐฯ), เซี่ยงไฮ้ (จีน) และ วาเซีย เปาริสต้า (บราซิล)

 

ABS และ ESC ช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
นอกจากจะมีระบบ ABS แล้ว ระบบ ESC ยังช่วยป้องกันรถไม่ให้ลื่นไถลออกนอกถนนตั้งแต่เริ่มเหยียบเบรค ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะพุ่งออกข้างทางหรือชนต้นไม้ อันเป็นสาเหตุเกือบหนึ่งในห้าของการเกิดอุบัติเหตุทางจราจรที่ร้ายแรงตามรายงานการวิจัยอุตสาหกรรมประกันภัย งานวิจัยที่จัดทำโดยศูนย์เทคนิคประกันภัยอลิอันซ์ พบว่า ถ้ารถทุกคันบนท้องถนนติดตั้งระบบ ESC ร้อยละ 40 ของอุบัติเหตุทางจราจรที่ร้ายแรงและอุบัติเหตุที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บในอัตราหนึ่งต่อสี่ อาจจะหลีกเลี่ยงได้ EBS ยังสามารถป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในรถจักรยานยนต์ได้ด้วย และหากรถจักรยานยนต์ทุกคันติดตั้งระบบ ABS ร้อยละ10 ของอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บส่วนบุคคลสามารถป้องกันได้

 

ECS ถูกกำหนดใช้ในยุโรป สหรัฐอเมริกา และ เอเชีย
สภานิติบัญญัติในยุโรป สหรัฐอเมริกาและหลายประเทศในเอเชีย ตระหนักว่าระบบ ECS สามารถช่วยหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุได้ และออกกฎบังคับให้ใช้ระบบ ESC โดยรถยนต์และรถบรรทุกทุกคันในยุโรปที่ได้รับการออกแบบตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ต้องติดตั้งระบบ ECS และตั้งแต่พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป จะเป็นครั้งแรกในยุโรปที่บังคับให้ยานยนต์ทุกคันที่ได้รับการจดทะเบียนต้องมีระบบ ECS สำหรับประเทศญี่ปุ่น กฎระเบียบดังกล่าวเป็นไปในแนวทางเดียวกับในยุโรป ในสหรัฐอเมริกากำหนดให้ติดตั้งระบบ ECS ในรถทุกคัน จนถึงรถบรรทุกขนาด 4.5 ตัน ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2554 ซึ่งข้อกำหนดเดียวกันนี้ถูกบังคับใช้ในประเทศเกาหลีตั้งแต่เดือนมกราคม 2555 เช่นเดียวกัน ตามสถิติอย่างเป็นทางการ ร้อยละ 70 ของยานยนต์บนถนนในเยอรมนี และร้อยละ 87 ของรถที่เพิ่งซื้อ ได้รับการติดตั้งระบบ ESC ในปี พ.ศ. 2556 สหภาพยุโรปมุ่งมั่นที่จะลด

 

การเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงของรถจักรยานยนต์ โดยบังคับติดตั้งระบบ ABS และระบบนี้จะถูกกำหนดใช้กับจักรยานยนต์ขนาด 125 ซีซี ขึ้นไปทุกคันด้วย ในยุโรป ระบบ ABS จะถูกกำหนดให้ใช้ในรถยนต์ทุกรุ่นที่ออกใหม่ โดยเริ่มในปี 2559 ส่วนรถจักรยานยนต์จะเริ่มกำหนดใช้ในปี 2560