เฟดเอ็กซ์ เสริมแกร่งการเข้าถึงอย่างยั่งยืนสำหรับบริษัทและชุมชน รายงานประจำปี FedEx Global Citizenship ครั้งที่ 6 เผยวิธีที่เฟดเอ็กซ์ส่งมอบมูลค่าผ่านการดำเนินงานและส่วนขยาย
เฟดเอ็กซ์ เปิดเผยรายงานประจำปี FedEx Global Citizenship ครั้งที่ 6 เผยขั้นตอนที่บริษัท ฯ ได้ดำเนินการเพื่อสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนมากขึ้นโดยการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและการมีส่วนร่วมในชุมชนท้องถิ่นมากขึ้น
รายงานได้แสดงให้เห็นว่าดัชนีชี้วัดสำคัญตัวหนึ่งคือการลดลงของผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ ขณะที่บริษัทฯ มีการเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกันปีต่อปี ความจริงบริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นในปีงบประมาณ 2556 ขณะที่การปล่อยมลพิษจากฝูงบินที่บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินการ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกลดลง 1.3 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม รายงานยังได้ระบุว่า ความเป็นผู้นำของเฟดเอ็กซ์และการปรับปรุงในด้านการดำเนินงานอย่างยั่งยืน ตลอดจนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม เป็นเพียงหนึ่งในหลายวิธีที่เฟดเอ็กซ์ดำเนินการเพื่อส่งมอบมูลค่าระยะยาวให้แก่ธุรกิจและชุมชนที่บริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจ นอกจากการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว รายงานยังได้สรุปความคืบหน้าสำคัญในด้านต่างๆ อาทิ ด้านเศรษฐกิจและการเข้าถึงตลาด ชุมชนและการบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงด้านพนักงานและสถานที่ทำงาน
“ในฐานะผู้นำวงการขนส่งสินค้าระดับโลก เฟดเอ็กซ์อยู่ในฐานะที่โดดเด่นที่จะทำให้เราสามารถผลักดันการเข้าถึงอย่างยั่งยืนและโอกาสในอนาคตสำหรับธุรกิจของเรา ลูกค้าของเราและชุมชนของเราที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้” นายเดวิด แอล คันนิ่งแฮม ประธานบริษัทเฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “มันเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องลงทุนเพื่อขับเคลื่อนการริเริ่มการปรับปรุงเชิงกลยุทธ์สำหรับบริษัทของเราและชุมชน เป้าหมายเหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญของความมุ่งมั่นของพนักงาน 18,000 คนของเราในภูมิภาคที่ช่วยขับเคลื่อนความต้องการทางเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว ทั้งของเราและลูกค้าของเราด้วย"
เฟดเอ็กซ์ ส่งเสริมการเชื่อมโยงสู่ตลาดเปิดและการเติบโตของธุรกิจขนาดเล็ก
ด้วยการมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการสร้างตลาดเปิดและตลาดที่เข้าถึงได้ เฟดเอ็กซ์นำเสนอมูลค่าระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น ชุมชน ลูกค้า รวมถึงเศรษฐกิจท้องถิ่นและเศรษฐกิจโลก เฟดเอ็กซ์เป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งของนโยบายและข้อตกลงที่ขจัดอุปสรรคการค้าและการลดความซับซ้อนของธุรกิจระหว่างประเทศ ในปีงบประมาณ 2556 บริษัทได้มีการส่งเสริมการขยายตัวของการค้าเสรีผ่านข้อตกลงที่มีการเสนอมา อาทิ ข้อตกลงว่าด้วยการบริการระหว่างประเทศ หุ้นส่วนทรานส์แปซิฟิก และหุ้นส่วนการค้าและการลงทุนทรานส์ แอตแลนติก เฟดเอ็กซ์ยังเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งสำหรับข้อตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกขององค์การการค้าโลกที่ได้รับการสรุปในเดือนธันวาคม 2556 ที่ผ่านมาอีกด้วย
การค้าไม่ได้มีแต่เพียงบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่เท่านั้น ด้วยการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) กำลังเพิ่มบทบาทสำคัญมากขึ้นในเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ เฟดเอ็กซ์ได้ใช้ความเชี่ยวชาญที่มีมานาน 40 ปีในด้านกฎระเบียบทางการค้า การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์เข้ามาช่วยวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้ประสบความสำเร็จในตลาดโลก ผลงานในด้านนี้ของบริษัทมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีงบประมาณ 2556 โดยผลงานที่โดดเด่น ได้แก่ การเปิดตัวศูนย์วิสาหกิจขนาดเล็กเฟดเอ็กซ์ เมื่อฤดูใบไม้ผลิปี 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่สำหรับวิสาหกิจขนาดเล็กที่รวบรวมทรัพยากรและข้อมูลต่างๆ อาทิ การขนส่งสินค้าระหว่างชาติ กฎระเบียบและเอกสารที่จำเป็นสำหรับประเทศต่างๆ และบริการเพิ่มมูลค่าในแต่ละประเทศ สำหรับในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เฟดเอ็กซ์ได้ให้การสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) อาทิ จัดสัมมนาในเกาหลีภายใต้แนวคิด ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเกาหลีและสหรัฐ และยังเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่เอสเอ็มอีสามารถได้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีอีกด้วย
เฟดเอ็กซ์อุดช่องว่างเรื่องการปล่อยมลพิษผ่านฝูงบินที่มีประสิทธิภาพ
เฟดเอ็กซ์ยังคงเดินหน้าให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการดำเนินงานของบริษัท ไปพร้อมๆ กับการสร้างธุรกิจให้เติบโต ทั้งนี้ ด้วยการสร้างนวัตกรรมและการพัฒนาด้านต่างๆ เฟดเอ็กซ์ยังคงเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างความก้าวหน้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสู่ความยั่งยืนของบริษัทในปี 2563
ในปี 2556 เฟดเอ็กซ์ได้ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของอากาศยานอย่างเข้มข้นลงไปได้ถึง 4.2 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันก็เพิ่มจำนวนเที่ยวบินและเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจอีกด้วย การลดลงครั้งนี้ส่งผลให้การลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดของอากาศยานลดลงถึง 22.3 เปอร์เซ็นต์ จากฐานในปี 2548 ทำให้บริษัทสามารถเดินหน้าสู่การบรรลุเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซลงให้ได้ 30 เปอร์เซ็นต์ในปี 2563
ความคืบหน้าคล้ายกันนี้เกิดขึ้นกับฝูงบินของเฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรสด้วยเช่นกัน โดยเห็นได้จากการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ในปี 2556 ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถเดินหน้าสู่เป้าหมายการเพิ่มประสิทธิภาพให้ได้ 30 เปอร์เซ็นต์จากปี 2548 ภายในปี 2563 ซึ่งถึงตอนนี้มีพัฒนาการโดยรวมเพิ่มขึ้นถึง 27 เปอร์เซ็นต์
พัฒนาการที่ดีขึ้นทั้งหลายเหล่านี้ต้องขอบคุณความทุ่มเทในการปรับปรุงฝูงบินให้มีความทันสมัยขึ้นตลอดเวลาของเฟดเอ็กซ์ ทั้งนี้ ความพยายามต่างๆ ที่ผ่านมา เช่น การเปลี่ยนเครื่องบินส่งผลให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อีกด้วย ส่วนผลกำไรเพิ่มเติมที่รับรู้ได้มาจากการเพิ่มยานพาหนะอัตโนมัติเคลื่อนที่ในทะเลที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงจำนวนมากกว่า 3,700 เครื่อง ซึ่งรวมถึงระบบเครื่องยนต์ดีเซลสะอาดประสิทธิภาพสูง ระบบไฟฟ้า เซลเชื้อเพลิงไฮโดรเจน และระบบก๊าซธรรมชาติแบบบีบอัดและแบบเหลว
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เฟดเอ็กซ์ได้ขยายกองเรือที่ใช้พลังงานทางเลือกด้วยการเปิดตัวเรือเพื่อการพาณิชย์ที่ใช้พลังไฟฟ้าล้วนจำนวน 10 ลำในฮ่องกงในปี 2556 ซึ่งเป็นกองเรือกองแรกของเฟดเอ็กซ์ที่ใช้ยานพาหนะพลังไฟฟ้าล้วนที่ปราศจากการปล่อย
ก๊าซเรือนกระจกในภูมิภาค และเมื่อเดือนเมษายน 2556 เฟดเอ็กซ์ได้ร่วมมือกับบริษัทนิสสันมอเตอร์ จำกัด ทำการทดสอบภาคสนามสำหรับเรือเพื่อการพาณิชย์ e-NV200 ที่ใช้พลังไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ในประเทศสิงคโปร์ นับเป็นการทดสอบภาคสนามเป็นครั้งแรกในโปรแกรมที่ครบวงจรเช่นนี้
เฟดเอ็กซ์เชื่อมโยงชุมชนด้วยทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการอยู่รอดและการเติบโต
เฟดเอ็กซ์เล็งเห็นความสำคัญของในการสร้างสรรค์โอกาสทางสังคมและเศรษฐกิจ และเชื่อว่าควรมีการเชื่อมโยงจากลูกค้าไปสู่ผู้ด้อยโอกาส นี่คือเหตุผลที่ตลอดกว่า 40 ปี เฟดเอ็กซ์ได้แบ่งปันทรัพยากรไปยังผู้ที่มีความต้องการมากที่สุดในเวลาที่พวกเขาต้องการ ซึ่งในปีงบประมาณ 2556 เงินบริจาคเพื่อการกุศลโดยรวมของเฟดเอ็กซ์จากกิจกรรมเพื่อการกุศลต่างๆ ซึ่งรวมถึงเงินบริจาคโดยตรง เงินบริจาคจากการขนส่งสินค้าและเงินสมทบของสมาชิกในทีม รวมกันทั้งสิ้นมากกว่า 46 ล้านเหรียญสหรัฐ ยิ่งไปกว่านั้น พนักงานของเฟดเอ็กซ์จำนวนหลายพันคนได้เข้าร่วมในโครงการเพื่อสร้างสรรค์สังคมอีกมากมายตลอดทั้งปี เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ชุมชนที่พวกเขาอาศัยอยู่ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นชุมชนที่ดีกว่าสำหรับการอยู่อาศัย การทำงานและการละเล่น
เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น การเข้าถึงและความน่าเชื่อถือของเครือข่ายเฟดเอ็กซ์ทั่วโลกช่วยให้เข้าถึงพื้นที่ที่ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้บริษัทสามารถส่งพนักงาน เครือข่ายการขนส่งและความเชี่ยวชาญในด้านโลจิสติกส์ลงไปให้การช่วยเหลือผู้ที่กำลังประสบภัยได้ในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งนี้ ในการเตรียมการเพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉิน บริษัทได้กันพื้นที่สำหรับการขนส่งที่เกี่ยวข้องกับเหตุภัยพิบัติไว้อย่างน้อย 4 ล้านปอนด์เพื่อดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยไม่คิดค่าบริการใดๆ ซึ่งในปี 2556 บริษัทได้บริจาคเงินสดจำนวนทั้งสิ้น 7.15 ล้านเหรียญสหรัฐและดำเนินการขนส่งสิ่งของไปยังองค์กรการกุศลที่ประสานงานบรรเทาทุกข์อีกหลายแห่ง
ความสามารถนี้ได้แสดงออกมาเป็นที่ประจักษ์หลังจากที่พายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนถล่มในเดือนพฤศจิกายน 2556 ซึ่งทำให้ประชาชนหลายล้านคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศฟิลิปปินส์ ต้องขาดแคลนอาหาร น้ำและการเข้าถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และเวชภัณฑ์ เฟดเอ็กซ์ได้รีบปฏิบัติการอย่างเร่งด่วน โดยร่วมมือกับ Direct Relief และ Heart to Heart International ทำการขนส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์และเวชภัณฑ์มูลค่ามากกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐไปยังชุมชนต่างๆ ทั่วภูมิภาค
ความทุ่มเทของบริษัทที่มีต่อการมุ่งพัฒนาชุมชนไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในยามที่เกิดภัยพิบัติเท่านั้น ด้วยยานพาหนะกว่า 9 หมื่นคันที่เฟดเอ็กซ์เป็นเจ้าของและเช่าเพื่อใช้บนท้องถนนในแต่ละวัน ความปลอดภัยของคนเดินถนนและบนท้องถนนถือเป็นค่านิยมหลักและเป็นความสำคัญสูงสุดเพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ดีกว่าสำหรับชุมชนที่เหล่าสมาชิกได้อาศัยอยู่และทำงาน นับตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา เฟดเอ็กซ์ได้ทำงานร่วมกับ Safe Kids Worldwide ซึ่งเป็นเครือข่ายระดับโลกขององค์กรที่มุ่งให้ความสำคัญกับการป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ