CCP คอนเฟิร์มปีนี้รายได้โตตามเป้า 10 % เดินหน้าเจาะกลุ่มลูกค้าภาคตะวันออก
กวาดงานส่วนราชการท้องถิ่น นิคมอุตสาหกรรม โครงการอสังหาริมทรัพย์ เผยแผนปรับกลยุทธ์การบริหารจัดการ มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพบุคลากร ควบคุมต้นทุนการดำเนินงาน พร้อมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มพรีแคสท์ รองรับงานบริหารจัดการน้ำ นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยแผนการดำเนินธุรกิจช่วงที่เหลือของปี ว่า บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ โดยเน้นเข้ารับงานส่วนราชการท้องถิ่น โครงการป้องกันน้ำท่วม ปรับปรุงการระบายน้ำ รวมทั้งการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมใหม่ และโครงการอสังหาริมทรัพย์ของเอกชนในพื้นที่ภาคตะวันออก อีกทั้งบริษัทยังมีนโยบายที่จะเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการภายในองค์กร โดยเน้นไปที่การพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานของบุคลากร เพื่อพยายามที่จะรักษาระดับของปริมาณการขายให้คงที่
ทั้งนี้จากการปรับกลยุทธ์ดังกล่าว ส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทในปีนี้จะมีการเติบโต 10% ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ประมาณ 2,900 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานให้อยู่ระดับเหมาะสม เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น อัตรากำไรสุทธิ ของบริษัทให้อยู่ในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่แล้ว จำนวน 1,800 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 60% ที่เหลือ 40% จะทยอยรับรู้ในปี 2558
ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมออกสินค้าใหม่ในไตรมาส 3/57 ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) สำหรับงานบริหารจัดการน้ำ ที่มีคุณสมบัติช่วยในการระบายน้ำ ป้องกันน้ำกัดเซาะ และป้องกันตลิ่งพังทลาย โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการ ที่ต้องสร้างระบบด้านงานระบายน้ำ งานป้องกันน้ำท่วม ก่อสร้างถนน และนิคมอุตสาหกรรม เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในการเลือกใช้วัสดุคอนกรีตสำเร็จรูปในงานบริหารจัดการน้ำให้กับลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการแนะนำผลิตภัณฑ์กับลูกค้าบางกลุ่มแล้ว และมีกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก
จากปัญหาทางการเมืองที่ยืดเยื้อ การชะลอการลงทุนของภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่ อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในปี 2557 ทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินงาน เพื่อให้เกิดการรับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอ เป็นไปตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลัง หากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย ก็จะทำให้งานของภาครัฐบาลและเอกชน เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งน่าจะทำให้บริษัทได้งานใหม่เพิ่มขึ้นอีก”นายอาทิตย์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2557 ว่า บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 741.61 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 629.11 ล้านบาท จำนวน 112.5 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 17.88% และมีกำไรสุทธิ 67.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 41.11 ล้านบาท จำนวน 26.09 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 63.46%
แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะชะลอตัว จากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่มีมาตั้งแต่ปลายปี 2556 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่ผลประกอบการไตรมาส 1/2557 ของบริษัทยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากมีการส่งมอบงานและรับรู้รายได้จากโครงภาคการรัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการรับรู้รายได้บางส่วนจากงานราชการส่วนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในเขตภาคตะวันออก ในช่วงปีที่ผ่านมา