CHOW ประกาศขยายฐานธุรกิจสู่พลังงานแสงอาทิตย์ หวังสร้างกำไรเติบโตโดดเด่น มั่นคงในระยะยาว
CHOW ลั่นพร้อมขยายฐานธุรกิจสู่กลุ่มพลังงานเต็มตัว ผ่าน 2 บริษัทย่อย “พรีเมียร์ โซลูชั่น” และ “เชาว์ อินเตอร์เนชั่นแนล” หลังสบช่องโอกาสทางธุรกิจมาถึง ในขณะที่มีความพร้อมทั้งทีมงานและเทคโนโลยี ส่งผลพร้อมลุยทั้งตลาดในและนอกประเทศทันที ประเดิมงานแรกในกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ที่ตลาดกำลังบูม มั่นใจโชว์ผลงานให้เห็นตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เปิดเผยถึงแผนการขยายธุรกิจว่า CHOW พร้อมขยายฐานธุรกิจออกไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง และสามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคงในระยะยาวแล้ว โดยธุรกิจแรกที่เริ่มดำเนินการในขณะนี้คือธุรกิจพลังงานทดแทนที่สามารถสร้างรายได้ได้อย่างมั่นคง เพื่อสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในอนาคต ผ่าน 2 บริษัทย่อยที่ได้จัดตั้งขึ้นก่อนหน้านี้ คือ บริษัท เชาว์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ บริษัท พรีเมียร์ โซลูชั่น จำกัด
“เราได้ศึกษาเรื่องธุรกิจพลังงานทดแทนมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่โรงงานเหล็กเฟสที่ 2 สร้างเสร็จ เพื่อสานต่อนโยบายลดความเสี่ยงทางธุรกิจตามปณิธานของคณะกรรมการ เนื่องจากธุรกิจพลังงานทดแทนเป็นธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนที่ดี มั่นคงและต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งจะสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ทั้งเติบโตได้อย่างโดดเด่น ต่อเนื่อง และมั่นคงตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ ประกอบกับปัจจุบัน ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับพลังงานทดแทนจากธรรมชาติ โดยเฉพาะพลังงานจากแสงทิตย์ที่ทั้งสะอาดและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่เทคโนโลยีได้พัฒนาไปมาก มีต้นทุนการผลิตที่ถูกลง และประการสำคัญเราได้เตรียมความพร้อมด้านบุคลากรมานาน จนมีผู้เชี่ยวชาญที่จะดำเนินธุรกิจได้ทันที CHOW จึงพร้อมที่จะบุกธุรกิจพลังงานทดแทนด้านพลังงานแสงอาทิตย์ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นไป” นายอนาวิล กล่าว
เขากล่าวต่อว่า ในการขยายธุรกิจพลังงานทดแทนจะดำเนินพร้อมกันทั้งในและต่างประเทศ ตามความพร้อมของตลาด โดยจะทำใน 2 ลักษณะ คือ พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า พร้อมใบอนุญาตและจัดโครงสร้างการลงทุนพร้อมเป็นที่ปรึกษาให้กับนักลงทุนที่สนใจผ่านบริษัท พรีเมียร์ โซลูชั่น จำกัด และลงทุนเป็นโรงไฟฟ้าของตัวเอง โดยจะดำเนินธุรกิจผ่านบริษัท เชาว์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งคาดว่าจะเห็นความคืบหน้าของธุรกิจตั้งแต่ต้นปี 2557 เป็นต้นไป