เนื้อหาวันที่ : 2007-06-28 09:23:00 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1823 views

รัฐอัด 3.3 หมื่นล้าน ปลุกศก.ครึ่งปีหลัง ต่างชาติจี้เร่งฟื้นเชื่อมั่น

รัฐบาล "พอเพียง" ปลุกผีประชานิยมและข้าราชการนิยม เร่งอัดงบลงสู่รากหญ้า 33,500 ล้านบาท จ่ายโบนัสข้าราชการ 6,800 ล้านบาท โครงการอยู่ดีมีสุข 5,000 ล้านบาท อัดงบเพิ่มอีก 2,000 ล้านบาท และเอสเอ็มแอลของรัฐบาล"ทักษิณ" 5,000 ล้านบาท มีเงินเข้าไปในชนบทถึง 12,000 ล้านบาท หวังช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจดีแน่ ๆ

นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.อุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษ "บทบาทรัฐกับการกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง" จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจว่า ช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยจะสามารถขับเคลื่อนไปได้ตามโจทย์ที่รัฐบาลตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปี โดยในส่วนของการบริโภคนับจากนี้ไปจะมีงบจากภาครัฐลงไปกระตุ้นไม่ต่ำกว่า 33,500 ล้านบาท ประกอบด้วย ช่วงไตรมาส 3 ในเดือนก.ค.ภาครัฐจะเบิกจ่ายโบนัสข้าราชการ 6,800 ล้านบาท และจะเบิกจ่ายในงบโครงการอยู่ดีมีสุข 5,000 ล้านบาท ซึ่งในวันที่ 29 มิ.ย.จะอนุมัติอีก 2,000 ล้านบาท และเมื่อบวกกับงบเอสเอ็มแอลของรัฐบาลชุดก่อนอีก 5,000 ล้านบาท รวมแล้วจะทำให้มีเงินเข้าไปในชนบทถึง 12,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้

.

ส่วนในไตรมาส 4 คาดว่าจะมีงบจากโครงการอยู่ดีมีสุขเข้าไปเสริมอีก 8,000 ล้านบาท จากงบที่กำหนดไว้ 15,000 ล้านบาท งบเอสเอ็มแอลอีก 3,000 ล้านบาท และงบจากการเลือกตั้งที่กำหนดไว้ทั้งปี 3,700 ล้านบาท คาดว่างบที่รัฐบาลใส่ไปนี้จะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นบริโภค

.

ทั้งนี้ คาดว่าตามแผนต่างๆ ที่รัฐวางไว้จะทำให้เศรษฐกิจปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 4% และปีหน้าโตไม่ต่ำกว่า 5% ซึ่งในช่วงไตรมาส 4 จะหารือกับคณะกรรมการเร่งรัดการใช้จ่าย และเร่งรัดประมูลโครงการก่อสร้างให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะในเรื่องของรถไฟฟ้า และจะเร่งรัดแผนบูรณาการน้ำแห่งชาติ งบประมาณกว่า 10,000 ล้านบาทให้จบโดยเร็ว เพื่อเป็นการสร้างฐานเศรษฐกิจไว้ให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่เกิดปัญหาฟองสบู่เหมือนเมื่อ 10 ปีก่อน

.

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย กล่าวในงานเดียวกันว่า แสงสว่างของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังคงไม่เจิดจ้ามากนัก โดยกสิกรไทยประเมินเศรษฐกิจปีนี้ว่าจะเติบโต 4-4.5% สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ 3.5-4.5% และคาดว่าดอกเบี้ยในครึ่งปีหลังจะลดลงอีก 0.25% แต่จะปรับขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ปีหน้า ภายหลังที่รัฐบาลเลือกตั้งมาบริหารงาน

.

นายปีเตอร์ จอนห์ แวน ฮาเรน ประธานหอการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า แม้หลายๆ สำนักคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะโตถึง 4% แต่เมื่อมองแล้วยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ 3 ปีที่ผ่านมาที่อยู่ในระดับ 5% ซึ่งเวียดนามยังเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวด้านการลงทุนของไทย ส่วนเม็ดเงินลงทุนที่รัฐบาลพยายามทุ่มลงมานั้นคงยังไม่พอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะสิ่งสำคัญคือต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นในหลายๆ ด้าน ทั้งเรื่องการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะต่างชาติไม่มั่นใจในรัฐบาลทหาร เนื่องจากมีความไม่นิ่งในนโยบายสูง พร้อมกันนี้ ต้องชัดเจนในเรื่องพ.ร.บ.ต่างด้าว และข้อตกลงทางการค้ากับต่างประเทศ

.

นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนพ.ค.50 ว่า การส่งออกยังคงเป็นปัจจัยหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 13 พันล้านดอลลาร์ ขยายตัว 20.9% ต่อปี ส่วนมูลค่าการนำเข้าขยายตัว 6.7% ลดลงจาก 8.9% ในเดือนเม.ย. โดยมีมูลค่าการนำเข้ารวมทั้งสิ้น 12.2 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ดุลการค้าเกินดุลเพิ่มขึ้นจาก 255.8 ล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 800.2 ล้านดอลลาร์ จากมูลค่าการส่งออกที่อยู่ในระดับสูงในเดือนพ.ค. ดังนั้น การขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังยังมีโอกาสขยายตัวได้ดี และคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้ยังจะขยายตัว 3.8-4.3%

.

ที่มา : ข่าวสด