เปิดตัวสู่สายตาสาธารณชนแล้วสำหรับปอร์เช่ สปอร์ตเอนกประสงค์รุ่นกระทัดรัด มาคันน์ (Macan) คือปอร์เช่ที่สมบูรณ์แบบ
ปอร์เช่ขยายรุ่นรถเพิ่มเติมเพื่อให้คลอบคลุมคลาสรถใหม่ นั่นคือรุ่นมาคันน์ (Macan) ปอร์เช่รุ่นแรกที่เข้าสู่ตลาดรถเอนกประสงค์ (SUV) ขนาดกระทัดรัดและจะเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถยนต์และกลุ่มตลาดในเรื่องของความคล่องตัวและความสนุกสนานในการขับขี่ในทุกๆ สภาวะของถนน
มาคันน์ (Macan) แสดงให้เห็นถึงคุณลักษณะในการขับเคลื่อนที่โดดเด่นและเด่นชัดตั้งแต่แรกเห็น ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยม ประสิทธิภาพการเบรกที่ทรงพลัง เครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะรอบตัว การเกาะถนน และความแม่นยำของพวงมาลัย ไม่เพียงเท่านี้รถคันนี้ยังให้ความสะดวกสบายในการขับขี่และการโดยสารรวมไปถึงการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน รูปลักษณ์ของมาคันน์ (Macan) ได้สะท้อนให้เห็นถึงสายพันธุ์ความสปอร์ตที่เต็มพิกัดและมีอยู่ใยรถปอร์เช่ทุกคัน ตัวรถของรถยนต์สปอร์ตเอนกประสงค์คันนี้มีความลาดแบนและสมดุลกับพื้นผิวถนน ฝากระโปรงหน้ามีความดุดันและผสมผสานเข้ากับเส้นสายลายหลังคาที่ทอดยาวมาบรรจบกันได้อย่างลงตัว แสดงให้เห็นถึงความสปอร์ตที่ทรงพลังและมีความคล่องตัวสูง หลายๆ ชิ้นส่วนของรถได้ถูกนำมาใช้จากรถสปอร์ตของ ปอร์เช่รุ่นอื่นๆ เพื่อทำให้มาคันน์ (Macan) มีความโดดเด่นมากขึ้น และทำให้มีความชัดเจนตั้งแต่แรกเห็นว่าปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) คันนี้คือรถสปอร์ตคันแรกในกลุ่มตลาดรถสปอร์ตเอนกประสงค์แบบกระทัดรัดอีกด้วย สายการผลิตได้ถูกกำหนดขึ้นให้มีศักยภาพในการผลิตให้ได้ 50,000 คันต่อปี และต้องเปี่ยมไปด้วยความแม่นยำและคุณภาพสูงด้วยเช่นกัน และตรงตามที่คุณคาดหวังจากปอร์เช่
การเปิดตัวเข้าสู่ตลาดในวันนี้มีถึง 3 รุ่นด้วยกัน นั่นคือ มาคันน์ เอส (Macan S) (1) ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร V6 Biturbo ให้พละกำลังแรงม้าถึง 340 แรงม้า (250 กิโลวัตต์) มาพร้อมกับความโดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ active all-wheel drive ที่ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า อีกทั้งยังมาพร้อมกับ map-controlled multi-plate clutch อีกด้วย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ active all-wheel drive ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่น ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบคลัชต์คู่ 7 สปีดจะทำการส่งผ่านกำลังของเครื่องยนต์ตามที่ต้องการและไม่มีการสะดุดหรือสูญเสียกำลัง ทำให้อัตราเร่งของรถจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียงแค่ 5.4 วินาทีเท่านั้น (หรือ 5.2 วินาทีหากติดตั้ง Sport Chrono package มาด้วย) ความเร็วสูงสุดของรถอยู่ที่ 254 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามรูปแบบ NEDC* อยู่ระหว่าง 9.0 ลิตรและ 8.7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ระหว่าง 212-204 กรัม/กิโลเมตร
มาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel)(2) คือรุ่นประหยัดและวิ่งได้ในระยะไกล มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 3 ลิตร V6 เทอร์โบดีเซล อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามรูปแบบ NEDC ต่ำอยู่เพียง 6.3 และ 6.1 ลิตร/100 กิโลเมตร เท่านั้น อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์อยู่ระหว่าง 164 และ 159 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ทำได้ในเวลาเพียงแค่ 6.3 วินาที (หรือ 6.1 วินาทีหากติดตั้ง Sport Chrono Package มาด้วย) เนื่องจากพละกำลังเครื่องยนต์ที่มหาศาลและสูงสุดอยู่ที่ 258 แรงม้า ทำให้ความเร็วสูงสุดสูงถึง 230 กิโลเมตร/ชั่วโมง เลยทีเดียว
มาคันน์ เทอร์โบ (Macan turbo) คือรุ่นที่มีพละกำลังเครื่องยนต์ที่มากที่สุดและเป็นรุ่นท็อปของมาคันน์ (Macan) เครื่องยนต์มีขนาด 3.6 ลิตร V6 biturbo ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ถูกนำมาใช้กับรถยนต์ปอร์เช่เป็นครั้งแรก ให้พละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 400 แรงม้า (294 กิโลวัตต์) อัตราเร่งเครื่องยนต์จาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียงแค่ 4.8 วินาที หากติดตั้ง Sport Chrono Package มาด้วยจะอยู่ที่ 4.6 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 266 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาคันน์ เทอร์โบ (Macan turbo) มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามรูปแบบการขับขี่แบบ NEDC* ต่ำอยู่แค่เพียงระหว่าง 9.2 – 8.9 ลิตร/100 กิโลเมตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ระหว่าง 216-208 กรัม/กิโลเมตร เท่านั้น
ชื่อของรุ่นรถได้มาจากภาษาของอินโดนีเซียที่แปลว่าเสือ และมาคันน์ (Macan) ก็มีความโดดเด่นสมชื่อ เต็มไปด้วยพละกำลังเครื่องยนต์ พร้อมที่จะทะยานไปข้างหน้าอย่างเต็มพิกัดตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นถนนธรรมดาหรือแบบ Off-Road ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ได้รับการพัฒนาใหม่ล่าสุดและรู้จักกันดีภายใต้ชื่อระบบ Porsche Traction Management (PTM) ช่วยให้รถผลิตระบบขับเคลื่อนที่เต็มไปด้วยพละกำลัง และมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบสปอร์ตสี่ล้อในทุกๆ รุ่นอีกด้วย
ด้วยความต้องการที่จะให้รถเต็มไปด้วยประสิทธิภาพที่โดดเด่นทำให้มาคันน์ (Macan) ได้รับการออกแบบให้มีความคล่องตัวสูง ไม่ว่าจะเป็นสัดส่วนต่างๆ ของรถ รูปลักษณ์ และการใช้ยางแบบผสม (Mixed tyres)ในล้อที่ใหญ่อีกด้วย อีกทั้งเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน และระบบเกียร์อัตโนมติ 7 สปีด Porsche Doppelkupplung (PDK) ต่างเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รถมีคุณลักษณะเด่นในเรื่องของความคล่องตัว ปราดเปรียว และมีประสิทธิภาพสูงทั้งบนถนนและพื้นผิวถนนแบบ Off-Road อีกด้วย ตำแหน่งเบาะที่นั่งของผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับการจัดตำแหน่งให้อยู่ในระดับต่ำตามแบบฉบับของรถสปอร์ต
อุปกรณ์และระบบต่างๆ ที่หลากหลายได้รับการติดตั้งให้กับมาคันน์ (Macan) เพื่อเป็นระบบมาตรฐานให้กับรถ รวมถึงระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ระบบเกียร์อัตโนมัติ PDK ระบบพวงมาลัยสปอร์ตแบบเอนกประสงค์และมาพร้อมกับก้านเกียร์ (multi-function sport steering wheel with shift paddles) ล้อที่ใหญ่ ระบบเครื่องเสียงที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ และระบบเปิดปิดท้ายรถด้วยไฟฟ้า ส่วนระบบอื่นๆ ที่โดดเด่นและสามารถเลือกติดตั้งเป็นระบบเสริมได้มีหลากหลายเช่นกัน อาทิ ระบบช่วงล่างแบบถุงลมซึ่งมาคันน์ (Macan) เป็นรถรุ่นแรกในตลาดนี้ ไม่เพียงเท่านี้ยังมีระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) system ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับมาคันน์ (Macan) อีกด้วย โดยระบบนี้จะทำการกระจายแรงบิดการขับเคลื่อนไปยังล้อหลังและทำงานร่วมกับระบบเฟืองท้าย electronically controlled rear-axle differential lock อีกหนึ่งระบบเสริมที่ต้องพูดถึงคือระบบไฟแบบ Porsche Dynamic Light System Plus (PDLS Plus) ที่จะทำงานปรับเปลี่ยนระดับไฟหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะของท้องถนนด้านหน้า
รูปลักษณ์: รากฐานของตำนานความเป็นรถสปอร์ตของปอร์เช่
ตำนานความเป็นรถสปอร์ตของมาคันน์ (Macan) ได้ถูกสะท้อนออกมาผ่านรายละเอียดต่างๆ ของการออกแบบ นักออกแบบได้ดึงความโดดเด่นที่หลากหลายเหล่านั้นมาใช้กับสัดส่วนต่างๆ ของรถรุ่นนี้ได้อย่างลงตัว ผลลัพธ์ที่ได้สามารถสรุปออกมาได้สองคำ นั่นคือ กว้างและต่ำ การออกแบบรถเน้นในเรื่องของความเป็นรถสปอร์ต คล่องตัวและแม่นยำ พร้อมด้วยการใช้โครงสร้างรถที่มีน้ำหนักเบา และด้วยสัดส่วนต่างๆ ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวทำให้มาคันน์ (Macan) มีรูปลักษณ์ที่กระทัดรัด ทรงพลัง และใกล้ชิดกับถนน
การออกแบบได้ครอบคลุมทุกๆ รายละเอียด แม้รถจะจอดหยุดนิ่ง แต่รูปลักษณ์ของรถจะสะท้อนให้เห็นถึงไฮไลท์ของรถสปอร์ตต่างๆ และแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ทรงพลังของมาคันน์ (Macan) หากมองจากภาพด้านข้างและลายหลังคาที่ลาดยาวรวมถึงปีกทางด้านหลังรถจะพบกับเส้นสายของความเป็นปอร์เช่ที่ชัดเจน และเป็นเส้นสายที่นำมาจากรุ่น 911
918 สไปเดอร์ (918 Spyder) คือรถที่ได้รับการออกแบบตามสายพันธุ์ของปอร์เช่เพื่อโลกอนาคต ส่วนมาคันน์ (Macan) ได้ทำการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสายพันธุ์ DNA ในปัจจุบัน โดยรวมแล้วสัดส่วนทั่วไปของไฟหน้าได้รับมาจากรุ่น 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ในขณะที่ครีบด้านข้างที่อยู่ทางด้านล่างของด้านหน้าและหลังของประตูทำให้นึกไปถึงขอบประตูของรถซูเปอร์สปอร์ตเครื่องยนต์ไฮบริดด้วยเช่นกัน มาคันน์ (Macan) ติดตั้งพวงมาลัยแบบ multi-function sports steering wheel มาเป็นพวงมาลัยมาตรฐานให้กับรถ ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่หมดและนำมาจากรุ่น 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) นั่นเอง
ด้านข้างจะมาพร้อมกับลายหลังคาที่ลาดยาวแบบสปอร์ตเน้นย้ำให้เห็นถึงความคล่องตัวที่เป็นคุณสมบัติหลักของรถ ส่วนการออกแบบเส้นสายที่วิ่งไปด้านหลังรถจะเป็นการเน้นให้เห็นถึงความกว้าง และปีกรถที่ทรงพลัง กราฟฟิคของกระจกทำจากพื้นผิวแบบแก้วและสัดส่วนของ D-Pillar ได้รับการออกแบบใหม่ เส้นสายการออกแบบเหล่านี้ได้รับมาจาก 911 ด้วยเช่นกัน
ไฮไลท์ของการออกแบบเพิ่มเติมทางด้านข้างและเป็นส่วนในการสร้างความโดดเด่นให้กับรถคือ sideblades หรือแผงด้านข้างที่อยู่ด้านล่างของประตูหน้าและหลัง และมีวัสดุให้เลือกติดตั้งในหลายรูปแบบเป็นอุปกรณ์เสริมได้ การออกแบบแผงด้านข้างนี้ได้มาจากขอบประตูด้านล่างของ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) และเมื่อผสมผสานเข้ากับที่จับประตูทำให้ประตูมีความคมชัดและดูสปอร์ตมากขึ้น
ในรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) ได้รับการพ่นสี Lava เป็นสีมาตรฐาน ส่วนรุ่นเทอร์โบจะได้รับการพ่นเป็นสีเดียวกันกับสีของตัวรถ สามารถเลือกติดตั้งได้สำหรับรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) เพิ่มความโดดเด่นแบบคลาสสิคให้กับรถมากขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ ทุกรุ่นยังสามารถเลือกติดตั้งแผงด้านข้างในรูปแบบคาร์บอนเพื่อเพิ่มความเป็นสปอร์ตที่โฉบเฉี่ยวมากขึ้นได้
รายละเอียดการออกแบบที่โดดเด่นของมาคันน์ (Macan) เพิ่มเติมคือขอบด้านข้าง และสปอยเลอร์หลังคาสีดำยาว ที่ได้รับการติดตั้งเพิ่มความสละสลวยให้กับรถมากขึ้น ยางที่ใช้สามารถเลือกได้ตั้งแต่ความกว้างที่ 265 มิลลิเมตร ทางด้านล้อหน้า และ 295 มิลลิเมตร ทางด้านล้อหลัง สามารถเลือกติดตั้งล้อได้ที่ขนาด 21 นิ้ว และยางยังได้มาตรฐานตามความต้องการของรถที่เน้นเรื่องของความสปอร์ต
ด้วยเส้นสายและสัดส่วนโค้งเว้าที่เข้ากันทำให้ทางด้านหลังรถสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นสปอร์ตและหรูหรา ซึ่งทางด้านท้ายรถนี้ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเน้นให้มีความกว้าง และทำให้รถดูกว้างขวางมากขึ้น และเพื่อให้เห็นถึงความราบเรียบสะอาดสะอ้าน ปุ่มสวิตซ์ของประตูหลังแบบไฟฟ้าจึงซ่อนอยู่ที่ด้านล่างของที่ปัดกระจกหลังและกรอบทะเบียนจะติดตั้งอยู่บนพื้นที่ที่ต่ำลงมา
ไฟท้ายของมาคันน์ (Macan) คืออีกหนึ่งควมโดดเด่น และมาพร้อมกับเทคโนโลยี LED และการออกแบบให้มีสามมิติ ซึ่งเป็นการออกแบบที่ใช้ในรุ่น 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) และทุกรุ่นจะมาพร้อมกับครีบด้านหลังที่ติดตั้งควบคู่กับปลายท่อคู่ทั้งสองข้าง โดยรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) จะเป็นปลายท่อทรงกลม ส่วนรุ่นเทอร์โบ (Turbo) จะเป็นทรงสี่เหลี่ยม และทุกรุ่นสามารถเลือกติดตั้งปลายท่อสปอร์ตที่ทำจากเหล็กแสตนเลสแบบพิเศษเป็นอุปกรณ์เสริมที่สามารถเลือกติดตั้งได้
ความสปอร์ตและภายในห้องโดยสารที่มีคุณภาพสูง
การเน้นความโดดเด่นของรถได้ถูกเน้นต่อเนื่องไปยังภายในห้องโดยสารของปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) เส้นสายที่โดดเด่น และจุดเชื่อมต่อที่แม่นยำ รวมถึงงานฝีมือคุณภาพสูงได้รับการผสมผสานกันได้อย่างลงตัวและสร้างความเป็นสปอร์ต คุณภาพสูง และหรูหราให้กับรถ
ตั้งแต่ส่วนใต้เบาะหน้าทางด้านล่างไปจนถึงคอนโซลกลางที่ลาดยาว และอุปกรณ์แสดงผล รวมถึงคอนเซ็ปต์การทำงานของรถ ต่างแสดงให้เห็นถึงสัมผัสของความคุ้นเคยที่มาพร้อมกับคุณลักษณะที่โดดเด่นใหม่ๆ เช่นพวงมาลัยสปอร์ตแบบเอนกประสงค์ใหม่ล่าสุด เป็นต้น
ห้องโดยสารมีลักษณะที่โดดเด่นเหมือนรถสปอร์ต สายตาของท่านจะต้องถูกดึงดูดให้มองไปที่พวงมาลัยสปอร์ตเอนกประสงค์ที่ได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดและนำมาจากรุ่น 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) เพิ่มเติมด้วยปุ่มเอนกประสงค์ที่ได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและใช้ในการสั่งงานโทรศัพท์ วิทยุ คอมพิวเตอร์บนรถ อีกทั้งยังมาพร้อมกับก้านเกียร์ที่ได้รับการติดตั้งให้มีความสมดุลตามหลักการยศาสตร์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามือของผู้ขับขี่จะวางอยู่บนพวงมาลัยและใส่ใจต่อถนนข้างหน้าเป็นหลัก
วงหน้าปัด 3 วงมาพร้อมกับ Tachometer ที่ติดตั้งอยู่ในแผงหน้าปัดด้วยเช่นกัน ด้านขวาจะเป็นการแสดงผลแบบความละเอียดสูง หน้าจอแสดงผลมีขนาด 4.8 นิ้วและแสดงผลในรูแบบสี ตำแหน่งเสียบกุญแจเพื่อสตาร์ทของรถจะอยู่ทางด้านซ้ายของพวงมาลัยอย่างเช่นปอร์เช่รุ่นอื่นๆ คอนโซลกลางได้รับการลาดเอียงมากขึ้นมาพร้อมกับก้านเกียร์ที่สูงขึ้น ตามรูปแบบของรถแข่งทำให้ผู้ขับขี่อยากสัมผัสกับภายในห้องโดยสารมากขึ้น ปุ่มต่างๆ ที่สำคัญจะรวมอยู่ในกลุ่มที่ติดตั้งอยู่บนคอนโซลกลาง เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกใช้งาน
ระบบเกียร์อัตโนมัติ Porsche Doppelkupplung (PDK) ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานให้กับรถ
ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ปอร์เช่ ติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ Porsche Doppelkupplung (PDK) 7 สปีดมาเป็นระบบเกียร์มาตรฐานให้กับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่น ประโยชน์ที่ได้รับจากการออกแบบนี้คือประสิทธิภาพที่เป็นเลิศของรถ การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วขึ้นโดยไม่เกิดการสะดุด การตอบสนองที่รวดเร็ว อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ และการเปลี่ยนเกียร์ที่สะดวกสบายมากขึ้น ปอร์เช่ที่ติดตั้ง PDK มาด้วยจะมาพร้อมกับการเปลี่ยนเกียร์สองรูปแบบ หากเป็นทางด้านขวาจะเป็นการเปลี่ยนเกียร์ผ่านก้านเกียร์ ในขณะที่ด้านซ้ายมือจะสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ผ่านการสั่งงาน หรือผ่านก้านเกียร์บนพวงมาลัย
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Active all-wheel drive และระบบ Porsche Traction Management (PTM)
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อคือส่วนหนึ่งของระบบ Porsche Traction Management (PTM) ซึ่งได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่น อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบต่างๆ อีกมากมาย อาทิเช่น ระบบ Automatic Brake Differential (ABD) ระบบ Anti-Slip Regulation (ASR) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อนี้จะช่วยดูแลในเรื่องของการทรงตัวของรถและความปลอดภัยของรถเป็นหลัก
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อในมาคันน์ (Macan) นี้ คือหนึ่งในระบบที่มีเวลาการตอบสนองที่รวดเร็วที่สุดหากเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในตลาด และได้รับการออกแบบมาให้มีความเป็นสปอร์ต เพลาหลังจะทำงานเสมอ และเพลาหน้าจะได้รับแรงบิดการขับเคลื่อนจากเพลาหลัง และแรงบิดที่ได้มานี้จะขึ้นอยู่กับอัตราส่วนของแรงบิดจาก electronically controlled multi-plate clutch
การเรียกใช้งานโหมด Off-road ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่กดปุ่ม
โหมดออฟโร้ดติดตั้งมาเป็นโหมดมาตรฐานในมาคันน์ (Macan) และฟังก์ชั่นจะเปิดการทำงานเพียงแค่กดปุ่มในคอนโซลกลางเมื่อใช้ความเร็วอยู่ระหว่าง 0-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ฟังก์ชั่นนี้จะเปลี่ยนระบบที่เกี่ยวข้องให้เข้าสู่การขับเคลื่อนที่เน้นการทรงตัวตามรูปแบบการออฟโร้ดเป็นหลัก เช่นการเปลี่ยนเกียร์และความเร็วจะสอดคล้องกับระดับการทรงตัวของรถ คลัชต์จะถูกสั่งงานก่อนเพื่อให้เพลาหน้าได้รับแรงบิดการขับเคลื่อนที่เหมาะสมและรวดเร็ว แรงบิดที่กระจายระหว่างเพลาหน้าและหลังรวมถึงการตอบสนองของคันเร่งจะถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสภาวะของการออฟโร้ดในขณะนั้น ความสูงของรถสามารถลดลงได้อีก 40 มิลลิเมตรจากระดับเดิม เพราะต่อตัวถังและช่วงล่างแบบถุงลมที่ส่งผลให้มี Ground clearance ที่ 230 มิลลิเมตร
อุปกรณ์เสริม: ระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus)
ระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) system ได้รับการพัฒนาและปรับเปลี่ยนให้มีความเฉพาะและเหมาะสมกับมาคันน์ (Macan) เพื่อให้การขับขี่นั้นพัฒนาความคล่องตัว และรักษาเสถียรภาพได้มากขึ้น ระบบ PTV Plus จะใช้การกระจายแรงบิดที่เป็นมาตรฐานไปยังล้อหลังและทำงานร่วมกับระบบ electronically controlled rear-axle differential lock และเพื่อให้ตอบสนองต่อองศาของพวงมาลัย ความเร็วของพวงมาลัย ตำแหน่งของแป้นคันเร่ง และความเร็วของรถได้อย่างดีเยี่ยม ระบบ PTV Plus จึงได้ทำการพัฒนาการทำงานของพวงมาลัยและความแม่นยำของพวงมาลัยด้วยการตั้งเป้าหมายที่การเบรกบนล้อหลังทางด้านในเพื่อให้รถทรงตัวได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ล้อหลังด้านนอกเกิดแรงผลักที่มากขึ้นและทำให้รถเลี้ยวไปทิศทางที่ต้องการ ผลลัพธ์ที่ได้คือการเลี้ยวที่คล่องตัว แม่นยำ ไม่เพียงเท่านี้ระบบ PTV Plus ยังส่งผลในด้านบวกกับมาคันน์ (Macan) เมื่ออยู่ในสภาวะออฟโร้ด เมื่อต้องสูญเสียพื้นที่ในการสัมผัสกับถนน ล้อหลังที่หมุนจะลดลงผ่านการล๊อคและการเบรกนั่นเอง
ปุ่มสปอร์ตติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน
มาคันน์ (Macan) ทุกรุ่นติดตั้งปุ่มสปอร์ตมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับรถ และติดตั้งอยู่บนคอนโซลกลางทางด้านซ้ายของก้านเกียร์ เมื่อกดปุ่มสปอร์ตระบบการจัดการเครื่องยนต์ด้วยไฟฟ้าจะทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองมากขึ้น การสัมผัสกับแป้นเบรกจะได้รับการตอบสนองโดยตรงจากเครื่องยนต์มากขึ้น รอบจำกัดของเครื่องยนต์ถูกตั้งค่าให้อยู่ในระดับที่สูงมากขึ้น และเครื่องยนต์จะให้ความคล่องตัวสูงตามสัมผัสของความเป็นมอเตอร์สปอร์ต ไม่เพียงเท่านี้ระบบเกียร์อัตโนมัติ PDK ช่วยให้จุดเปลี่ยนเกียร์ย้ายไปอยู่ในช่วงความเร็วที่มากขึ้นเพื่อให้สัมผัสของความเป็นสปอร์ตที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน เวลาในการตอบสนองสั้นลงในขณะที่การเปลี่ยนเกียร์นั้นมีความกระชับและเป็นธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลดระดับเกียร์ของคลัชต์คู่ลง เสียงของเครื่องยนต์ได้รับการปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกัน ระบบควบคุมตัวถัง Porsche Active Suspension Management (PASM) ได้รับการตั้งค่าให้อยู่ในโหมดสปอร์ตเพื่อให้สัมผัสถึงความเป็นสปอร์ตที่มากขึ้นสำหรับช่วงล่างและการตอบสนองโดยตรง และยังส่งผลให้รถมีการทรงตัวและรักษาเสถียรภาพได้มากขึ้น
อุปกรณ์เสริมที่สามารถเลือกติดตั้งได้ : แพ็คเกจ Sport Chrono
อุปกรณ์เสริมแพ็คเกจ Sport Chrono จะเพิ่มประสิทธิภาพของรถมากขึ้นเพียงแค่กดปุ่ม โดยแพ็คเกจ Sport Chrono จะช่วยปรับเปลี่ยนตัวถัง เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนให้เข้าสู่ระดับที่สปอร์ตมากขึ้น รวมถึงเสียงของเครื่องยนต์ที่สร้างสัมผัสถึงความดุดันมากขึ้น แพ็คเกจ Sport Chrono จะออกมาในรูปแบบ Analogue และนาฬิกาจับเวลาแบบดิจิตอลติดตั้งอยู่บนแผงหน้าปัด รวมถึงปุ่ม Sport Plusที่ติดตั้งอยู่บนคอนโซลกลาง อีกชิ้นส่วนของแพ็คเกจคือการแสดงผลของประสิทธิภาพบนระบบเสริมที่สามารถเลือกติดตั้งได้อย่างระบบการจัดการสื่อสาร Porsche Communication Management (PCM) ที่จะให้ข้อมูลเวลาวิ่งทั้งหมด ระยะทางที่ใช้ไป หรือเวลาที่ใช้ไป เป็นต้น ฟังก์ชั่น “Launch Control” ได้รับการติดตั้งด้วยเช่นกันในมาคันน์ (Macan) และเป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยให้อัตราเร่งนั้นมีส่วนคล้ายกับรถแข่งเมื่อทำการออกตัว ประโยชน์ที่ได้รับจากฟังก์ชั่นนี้คืออัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่จะลดลงอีก 0.2 วินาที สำหรับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่น
ตัวถัง 3 เวอร์ชั่นสำหรับมาคันน์ (Macan)
ตัวถังสำหรับมาคันน์ (Macan) มีถึง 3 เวอร์ชั่น การออกแบบโดยใช้สปริงเหล็กจะเติมเต็มในเรื่องของประสิทธิภาพมาตรฐานสูงสุด ความสุนทรีย์ในการขับขี่ ความสามารถในการขับขี่แบบ off-road และความสะดวกสบาย หลักปรัชญาการใช้โครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาได้ถูกนำมาใช้โดยเพลาอลูมิเนียมและส่วนประกอบของตัวถังที่จะทำให้เกิดความคล่องตัวและความสะดวกสบายในการขับขี่ เพลาด้านหน้าได้รับการออกแบบมาจากพื้นฐานของ five-link ในขณะที่เพลาหลังจะออกแบบให้เป็น trapezoidal-link ทางด้านเพลาหลังนั้นการแยกสปริงและโช้คบนล้อออกจากกันทำให้พัฒนาการขับขี่ที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นและตอบสนองต่อช่วงล่างได้ดียิ่งขึ้น
เวอร์ชั่นที่สองของตัวถังมาคันน์ (Macan) คือการผสมผสานกันระหว่างสปริงเหล็กและระบบ PASM ที่ได้รับการติดตั้งมาเป็นระบบมาตรฐานให้กับรุ่นท้อปอย่างมาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) และสามารถเลือกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมเลือกติดตั้งได้สำหรับรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และรุ่นมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) การผสมผสานระหว่างสปริงเหล็กและ PASM นี้ทำให้รถเกิดการเติมเต็มมากขึ้น สร้างมาตรฐานใหม่ที่สูงสำหรับความสะดวกสบายในการวิ่งระยะไกล ประสิทธิภาพที่มากขึ้น และความคล่องตัวที่มากขึ้น ตัวถังที่หลากหลายจะทำให้เกิดการกระจายการสั่นสะเทือนของช่วงล่างได้หลากหลายมากขึ้นผ่านโปรแกรม PASM 3 โปรแกรมนั่นคือ “Comfort", “Sport" และ “Sport Plus" ซึ่งเรียกใช้งานได้อย่างง่ายได้เพียงแค่กดปุ่มเท่านั้น
ระบบ PASM (Porsche Active Suspension Management)
ระบบ PASM จะควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้าและทำการปรับเปลี่ยนระบบ shock absorber system เพื่อเพิ่มความสุนทรีย์ในการขับขี่ ความปลอดภัย และความสะดวกสบายให้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งอยู่ในรุ่นมาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) ระบบจะทำการสร้างแรงกดบนเพลาหน้าและหลังอย่างต่อเนื่อง รถจะรับรู้ถึงการทำงานนี้ได้จากการขยับของตัวรถเพื่อการตอบสนองต่อรูปแบบการขับขี่ที่คล่องตัวและเกี่ยวข้องกับอัตราเร่งที่ชัดเจนและการเบรกหรือเมื่ออยู่ในสภาวะการขับขี่แบบออฟโร้ด ระบบ PASM ได้รับการออกแบบให้ลดการสั่นสะเทือนของรถ ขึ้นอยู่กับความต้องการในขณะนั้น ผู้ขับขี่สามารถเลือกระหว่าง 3 โปรแกรมการทำงานได้นั่นคือ “Comfort", “Sport" และ “Sport Plus".
ระบบช่วงล่างแบบถุงลม Air suspension: โดดเด่นไม่เหมือนใครในกลุ่มตลาดเดียวกัน
เวอร์ชั่นที่ 3 ของตัวถังมาคันน์ (Macan) และเป็นครั้งแรกที่รถในกลุ่มตลาดนี้ติดตั้งคือ ระบบช่วงล่างแบบถุงลมที่มาพร้อมกับระบบปรับเปลี่ยนระดับตัวถัง การปรับเปลี่ยนความสูงและ PASM แบบนี้จะให้ความสะดวกสบาย ให้ความเป็นสปอร์ตและประสิทธิภาพสูงสุด รวมไปถึงทำให้รถคันนี้ขึ้นไปยึดครองตำแหน่งผู้นำในตลาดได้อีกด้วย
เมื่อเปรียบเทียบกับสปริงเหล็กจะพบว่ามาคันน์ (Macan) ที่มาพร้อมกับช่วงล่างแบบถุงลมจะลดระดับตัวรถให้ต่ำกว่า 15 มิลลิเมตรเมื่ออยู่ในระดับปกติ และเมื่อต้องทำงานร่วมกับจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้รถเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ที่คล่องตัว พัฒนาความสะดวกสบายในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น ระบบช่วงล่างแบบถุงลมจะช่วยรักษาระดับของรถโดยอัตโนมัติ Groud clearance สามารถปรับเปลี่ยนได้ 3 ระดับตามต้องการ นั่นคือ High Level I", “Normal Level" และ “Low Level" เมื่ออยู่ในระดับ “High Level I” ระบบจะทำการตั้งค่าให้รถสูง 40 มิลลิเมตรเหนือกว่าระดับธรรมดา และมี ground clearance มากสุดที่ 230 มิลลิเมตร อุปกรณ์เสริมนี้สามารถเรียกใช้งานได้ผ่านปุ่มอ๊อฟโร้ดและสามารถใช้ได้ในความเร็วระหว่าง 0-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เบรกที่ทรงพลังส่งผลให้ประสิทธิภาพของรถสูง
เบรกของปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) เหมาะสมกับระดับประสิทธิภาพของรถทุกประการ เหมาะสมและตรงตามมาตรฐานของแบรนด์ที่ตั้งค่าไว้สูง มาคันน์ (Macan) คือผู้นำในเรื่องของระบบเบรกที่เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ด้านหน้าของมาคันน์ (Macan) จะมาพร้อมกับเบรกคาลิปเปอร์ 6 สูบ อลูมิเนียมโมโนบล๊อค ส่วนรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) จะมีเบรกที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 350 มิลลิเมตร ในขณะที่จานเบรกในรุ่นเทอร์โบจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ 360 มิลลิเมตร ส่วนจานเบรกทางด้านหลังสำหรับรุ่น มาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ 330 มิลลิเมตร และจานเบรกของรุ่นเทอร์โบจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 356 มิลลิเมตรทางด้านหลัง ระบบเบรกเพื่อจอดแบบไฟฟ้า (electric parking brake) จะช่วยให้เกิดความสะดวสบายและปลอดภัยเมื่อทำการจอดรถ ระบบเบรกเพื่อจอดนี้จะปลดออกอัตโนมัติเมื่อรถเคลื่อนตัว
ยางที่ได้รับการผสมผสาน: เพื่อประโยชน์ในการใช้งานและความสวยงาม
การใช้ยางสำหรับรุ่นมาคันน์ (Macan) จะเน้นความเป็นรถสปอร์ต รถจะได้รับการออกแบบให้ยางมีความแตกต่างกันในเรื่องของสัดส่วนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง การผสมผสานกันของยางนี้จะช่วยให้รถมาคันน์ (Macan) ดูสปอร์ตและให้ประโยชน์ในการใช้งานมากขึ้น ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อได้ ยางทางด้านเพลาหลังที่กว้างนี้จะช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนน และเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ให้มากขึ้น ยางทางด้านหน้าที่แคบจะช่วยให้การเข้าโค้งมีความแม่นยำ ทำให้รถทรงตัวได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยรวมแล้วการใช้ยางที่มีขนาดที่แตกต่างกันผสมผสานกันได้กลายมาเป็นหน้าที่หลักในการทำให้รถมีประสิทธิภาพที่เป็นเลิศ ในรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) จะติดตั้งยางขนาด 235/60 R 18 (หน้า) และ 255/55 R 18 (หลัง) มาเป็นขนาดมาตรฐาน ส่วนมาคันน์ เทอร์โบ (Macan turbo) จะติดตั้งยางขนาด 235/55 R 19 (หน้า) และ 255/50 R 19 (หลัง) มาเป็นมาตรฐาน
ยางที่สามารถเลือกใช้ได้ในปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) จะทำให้รถมีคุณลักษณะที่โดดเด่นสมบูรณ์แบบ และสามารถเลือกติดตั้งได้จนถึงขนาด 21 นิ้วและสามารถเลือกติดตั้งได้กับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่น
พวงมาลัยไฟฟ้า Electromechanical power steering
ระบบพวงมาลัยแบบไฟฟ้า electromechanical power steering system จากปอร์เช่คือระบบแรกที่นำไปใช้กับปอร์เช่ SUV และทำให้มาคันน์ (Macan) สามารถขับเคลื่อนได้แม่นยำและตอบสนองต่อการขับขี่ในทุกๆ สภาวะได้มากขึ้นตามแบบฉบับความเป็นปอร์เช่ ไม่เพียงเท่านี้ระบบพวงมาลัยนี้ยังช่วยในเรื่องของการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อเปรียบเทียบกับระบบพวงมาลัยแบบไฮดรอลิคแล้วนั้นจะพบว่าระบบพวงมาลัยไฟฟ้า electromechanical steering ประหยัดได้มากกว่าถึง 0.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร เพราะระบบต้องการพลังงานในการเลี้ยวเพียงอย่างเดียว อีกหนึ่งประโยชน์ที่ได้รับจากระบบนี้คือมาคันน์ (Macan) สามารถเลือกติดตั้งระบบเตือนในการเปลี่ยนช่องทาง (lane departure warning system) ที่ทำงานร่วมกับระบบพวงมาลัยไฟฟ้า electro-mechanical power steering เพื่อช่วยในการควบคุมพวงมาลัยอีกด้วย
ตัวรถ: พัฒนาขึ้นมาเพื่อความเป็นรถสปอร์ตที่อยู่ในกลุ่มตลาดรถสปอร์ตเอนกประสงค์แบบกระทัดรัด
ปัจจัยหลักที่ใช้ในการพัฒนาตัวรถมาคันน์ (Macan) คือความต้องการที่จะทำให้มาคันน์ (Macan) ได้กลายมาเป็นปอร์เช่ที่โดดเด่นในกลุ่มตลาดสปอร์ตเอนกประสงค์แบบกระทัดรัด และเข้าไปในกลุ่มตลาดใหม่นี้ ความต้องการนี้ได้บรรลุผลแล้วด้วยการแสดงให้เห็นถึงประโยชน์และจุดเด่นของรถหลายอย่าง อาทิเช่น ฝากระโปรงที่อยู่เหนือฐานล้อ และไฟหน้าหลัก ทำให้ด้านหน้าของรถมีความกว้างและดูทันสมัย การออกแบบเส้นสายบนฝากระโปรงเน้นให้เห็นถึงความกว้างขวางของรถ ตัวรถทำจากอลูมิเนียม ทำให้น้ำหนักของรถลดลงและส่งผลให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นและคล่องตัวมากยิ้งขึ้นอีกด้วย
ภายในห้องโดยสารและอุปกรณ์ติดตั้ง: เหนือชั้น และเต็มไปด้วยคุณภาพ
ห้องโดยสารของปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) นำแนวคิดการออกแบบมาจากรถสปอร์ตของปอร์เช่รุ่นอื่นๆ เพื่อให้รูปลักษณ์ออกมาดูดี ไม่เพียงแค่นี้ยังสามารถเลือกติดตั้งระบบเครื่องเสียงชั้นนำอย่าง High-End Surround Sound system ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับรถในคลาสรุ่นนี้ อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่มาใหม่คือระบบสัญญาณเตือนการเปลี่ยนเลนส์ lane departure warning system ระบบ Adaptive Cruise Control (ACC) และระบบ Porsche Active Safe (PAS) ซึ่งล้วนแล้วแต่มีส่วนในการเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้มากขึ้น
การขับขี่แบบสปอร์ตที่ให้ความสมดุลตามหลักการยศาสตร์คือหัวใจหลักในการพัฒนา คอนโซลกลางได้รับการลาดเอียงไปข้างหน้ามากขึ้นและที่นั่งของผู้ขับขี่จะอยู่ห่างจากพวงมาลัยและก้านเกียร์เพียงเล็กน้อย ในขณะที่ผู้ขับขี่จะมีส่วนร่วมไปกับรถมากขึ้นเพราะการนำหลักการติดตั้งก้านเกียร์ในรถแข่งมาใช้นั่นเอง การควบคุมการทำงานหลักๆ และการตั้งค่าต่างๆ จะอยู่รวมกลุ่มกันในคอนโซลกลาง ปุ่มจะได้รับการติดตั้งให้ง่ายต่อการกดและตอบสนองที่รวดเร็วและง่ายต่อการเรียกใช้งาน ที่สตาร์ทจะอยู่ทางด้านซ้ายของพวงมาลัยเช่นเคย เหมือนกับปอร์เช่รุ่นอื่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของปอร์เช่มาอย่างยาวนาน
แผงหน้าปัดมีความเฉพาะตามแบบฉบับปอร์เช่ มาพร้อมกับหน้าปัด 3 วงและตรงกลางเป็นTachometer สัญญาณระดับเกียร์และ Tachometer จะแสดงผลให้ผู้ขับขี่ทราบถึงระดับเกียร์ในขณะนั้น หน้าจอมีความละเอียดสูงและมีขนาด 4.8 นิ้วแบบสี นอกเหนือจากฟังก์ชั่นคอมพิวเตอร์บนรถที่สำคัญแล้ว ฟังก์ชั่นนี้ยังแสดงแผนที่สำหรับระบบค้นหาเส้นทางอีกด้วย
วิสัยทัศน์และสัญญาณที่สมบูรณ์แบบ: ระบบไฟในมาคันน์ (Macan)
การออกแบบระบบไฟให้กับปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) จะเน้นเรื่องการใช้งานเป็นสำคัญ และการสร้างความแตกต่างจากทางด้านหน้าให้กับมาคันน์ (Macan) โดยการใช้ไฟหน้า ไฟกลางวัน และไฟตัดหมอกที่สวยงาม ไฟท้ายได้รับการออกแบบให้มีความโฉบเฉี่ยมตามแบบฉบับรถสปอร์ตและทำให้มาคันน์ (Macan) มีความโดดเด่นอย่างสมบูรณ์แบบแม้อยู่ในที่มืด
ไฟหน้าจะติดตั้งระบบไฟฮาโลเจนแบบ Projector-beam halogen มาเป็นไฟมาตรฐานให้กับรุ่นมาคันน์ (Macan) ส่วนระบบไฟหน้าแบบไบซีนอลสามารถเลือกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้ (ติดตั้งเป็นระบบไฟมาตรฐานให้กับรุ่นมาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) อีกทั้งการส่องแสงยังใช้เทคโนโลยีใหม่อีกด้วย เพื่อให้ไฟมีความมั่นคง ช่วยในเรื่องของความคล่องตัวในยามเข้าโค้ง (Porsche Dynamic Light System [PDLS]).
มาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) ติดตั้งระบบไฟที่ใช้วิ่งกลางวันแบบฮาโลเจนมาเป็นมาตรฐานให้กับรถ ในขณะที่มาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) ติดตั้งเทคโนโลยีไฟ LED 4 จุด ไฟตัดหมอกได้รับการติดตั้งให้กับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่นเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่แม้ต้องอยู่ภายใต้สภาวะอากาศที่ไม่อำนวย มาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) ติดตั้งไฟตัดหมอกแบบฮาโลเจนทรงกลมรวมเข้ากับทางด้านหน้า ส่วนไฟเหล่านี้ในมาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) จะเป็น LED
ไฟท้ายใช้เทคโนโลยีไฟแบบ LED และเหมือนกับระบบไฟในปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ระบบไฟนี้จะช่วยทำให้มองเห็นกว้างขึ้น เพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่แบบสปอร์ตให้กับมาคันน์ (Macan) มากขึ้น การออกแบบ 3D นี้ช่วยให้มาคันน์ (Macan) มีความโดดเด่นทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ไฟเบรกจะเสริมรายละเอียดให้กับไฟท้าย และเป็นระบบไฟแบบ 3D ด้วยเช่นกัน และพร้อมจะสร้างความประทับใจทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อให้ง่ายต่อการสังเกตรถอีกด้วย
(1) มาคันน์ เอส (Macan S) *: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ในเมือง 11.6 – 11.3 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่นอกเมือง 7.6 – 7.3 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ผสมผสานทั้งสองรูปแบบ 9.0 – 8.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 212 – 204 กรัม/กิโลเมตร
(2) มาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel)*: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ในเมือง 6.9 – 6.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่นอกเมือง 5.9 – 5.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ผสมผสานทั้งสองรูปแบบ 6.3 – 6.1 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 164 – 159 กรัม/กิโลเมตร
(3) มาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo)*: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ในเมือง 11.8 – 11.5 ลิตร/100 กิโลเมตร อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่นอกเมือง 7.8 – 7.5 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ผสมผสานทั้งสองรูปแบบ 9.2 – 8.9 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 216 – 208 กรัม/กิโลเมตร
*แตกต่างไปตามประเภทยางที่ใช้