ผลิตภัณฑ์ตราเพชร ชูสินค้าและบริการ ยึดตลาดหลังคากลุ่มลูกค้าโครงการ ขึ้นแท่นผู้นำนวัตกรรมสินค้าการก่อสร้างระบบหลังคาแบบครบวงจร ลั่นปีนี้ดันยอดขายลูกค้าโครงการเติบโตเท่าตัว
ผลิตภัณฑ์ตราเพชร ชูสินค้าครบวงจรและทีมบริการติดตั้ง เปลี่ยนรูปแบบก่อสร้างระบบหลังคาจากงานเชื่อมสู่งานประกอบและติดตั้งกินรวบงานก่อสร้างระบบหลังคาให้แก่ลูกค้าโครงการ หลังช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้าง ดันยอดขายจากกลุ่มลูกค้าโครงการโตเท่าตัว หนุนสัดส่วนยอดขายเพิ่มเป็น 8-9% จากยอดขายทั้งหมด
นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ ไม้ลามิเนต แผ่นบอร์ด ยิปซัม และบริการหลังการขาย ภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีศักยภาพการทำตลาดระบบหลังคารุกลูกค้าโครงการได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากตราเพชรมีความพร้อมสินค้าที่ครบวงจร โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจพัฒนาสินค้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์คานรับหลังคา (อะเส) โครงหลังคาสำเร็จรูปและแป ที่ช่วยยกระดับด้านงานก่อสร้างระบบหลังคา จากเดิมที่เป็นรูปแบบงานเชื่อมมาสู่การประกอบและติดตั้งแบบสำเร็จรูป ที่สามารถลดระยะเวลาการก่อสร้างหลังคาให้แก่กลุ่มลูกค้าโครงการได้
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีสินค้าผืนหลังคาแบบเรียบและลอนทั้งกระเบื้องคอนกรีตและกระเบื้องเซรามิค พร้อมให้บริการติดตั้งจากช่างผู้ชำนาญงานมาเป็นจุดแข็งเพื่อนำเสนองานในรูปแบบแพ็คเกจสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้าโครงการ ซึ่งตราเพชรถือเป็นผู้ประกอบการเพียงรายได้เดียวในตลาดที่สามารถตอบโจทย์ด้านงานก่อสร้างระบบหลังคาได้อย่างครบวงจร
แบรนด์ตราเพชรมีความแข็งแกร่งในนวัตกรรมสินค้า ที่ช่วยพัฒนาการก่อสร้างระบบหลังคาไปสู่การประกอบและติดตั้งที่ช่วยให้การก่อสร้างรวดเร็วขึ้น พร้อมทีมติดตั้งที่มีความเชี่ยวชาญที่ให้ปรึกษาและรับติดตั้งระบบหลังคา ซึ่งสามารถตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่นความต้องการของลูกค้าโครงการได้เป็นอย่างดี ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันรับงานลูกค้าโครงการได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลต่อแบรนด์ตราเพชรก้าวขึ้นสู่ผู้นำด้านนวัตกรรมสินค้าการก่อสร้างระบบหลังคาแบบครบวงจรของไทย”นายสาธิต กล่าว
รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด ผลิตภัณฑ์ตราเพชร กล่าวว่า จากศักยภาพและความพร้อมในครั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่า ยอดขายกลุ่มลูกค้าโครงการในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตเท่าตัว ส่งผลให้สัดส่วนยอดขายจากกลุ่มลูกค้าดังกล่าวเพิ่มเป็นขึ้น 8-9% จากเดิมที่มีสัดส่วนเพียง 5-6% ของเป้ายอดขายในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตได้ 10%