เนื้อหาวันที่ : 2013-10-03 01:50:54 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 3723 views

ราชบุรีโฮลดิ้ง มั่นใจศักยภาพโรงไฟฟ้าพร้อมเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าประเทศ

ปรับแผนหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้ารองรับการปิดซ่อมแหล่งก๊าซเยตากุนของพม่า เตรียมสำรองน้ำมัน พร้อมทดสอบประสิทธิภาพเดินเครื่องด้วยน้ำมัน

ราชบุรีโฮลดิ้ง มั่นใจศักยภาพโรงไฟฟ้าพร้อมเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าประเทศ ปรับแผนหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้ารองรับการปิดซ่อมแหล่งก๊าซเยตากุนของพม่า เตรียมสำรองน้ำมัน พร้อมทดสอบประสิทธิภาพเดินเครื่องด้วยน้ำมัน

บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) แสดงความมั่นใจโรงไฟฟ้า 3 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าราชบุรี โรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ และโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ กำลังผลิตติดตั้งรวม 5,745 เมกะวัตต์ พร้อมเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าเสริมระบบไฟฟ้าของประเทศอย่างเต็มประสิทธิภาพแม้แหล่งก๊าซธรรมชาติเยตากุนของพม่าจะหยุดซ่อมบำรุงเป็นระยะเวลา 15 วันนับตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2556 จนถึงวันที่ 8 มกราคม 2557 ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งได้เตรียมความพร้อมทั้งในด้านประสิทธิภาพการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า รวมถึงการจัดหาเชื้อเพลิงสำรอง ทั้งน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาเพื่อใช้ในการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าทดแทนก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลัก

นายพงษ์ดิษฐ พจนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งของบริษัทฯ ในจังหวัดราชบุรี ได้มีการปรับแผนการหยุดซ่อมบำรุงประจำปี เพื่อให้สามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยโรงไฟฟ้าราชบุรีได้เร่งการซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าพลังความร้อนหน่วยที่ 1 ให้แล้วเสร็จก่อนช่วงเวลาหยุดส่งก๊าซธรรมชาติจากพม่า ขณะที่โรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์มีการปรับแผนการซ่อมบำรุง โดยโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมชุดที่ 2 หยุดซ่อมบำรุงเร็วขึ้นจากเดิม ส่วนชุดที่ 1 เลื่อนการซ่อมบำรุงออกไปดำเนินการหลังจากการส่งก๊าซธรรมชาติกลับสู่ภาวะปกติ สำหรับโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ มีความพร้อมจ่ายเต็มประสิทธิภาพ

โรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งได้ออกแบบให้สามารถใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงสำรองได้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการขาดแคลนเชื้อเพลิงหลัก คือก๊าซธรรมชาติ โดยโรงไฟฟ้าพลังความร้อน 2 หน่วยของโรงไฟฟ้าราชบุรีสามารถใช้น้ำมันเตาเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าทดแทนก๊าซธรรมชาติได้ ส่วนโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมของโรงไฟฟ้าราชบุรี โรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ และโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ สามารถเดินเครื่องด้วยน้ำมันดีเซลได้ นอกจากนี้โรงไฟฟ้าทุกแห่งยังมีการทดสอบเดินเครื่องด้วยน้ำมัน ซึ่งประสิทธิภาพการผลิตของโรงไฟฟ้าราชบุรีสามารถผลิตไฟฟ้าได้เต็มกำลังผลิต 3,645 เมกะวัตต์ ส่วนโรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ ยังคงประสิทธิภาพการผลิตได้ 1,200 เมกะวัตต์ ขณะที่โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ การซ่อมบำรุงตามวาระได้ดำเนินการแล้วเสร็จและสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เต็มกำลังการผลิตที่ 700 เมกะวัตต์”

นายพงษ์ดิษฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในรอบ 3-4 ปี ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ขาดก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าของประเทศหลายครั้ง ซึ่งกลุ่มโรงไฟฟ้าราชบุรีของบริษัทฯ สามารถผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันเพื่อช่วยเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศได้เป็นอย่างดีทุกครั้ง สำหรับในปีนี้กลุ่มโรงไฟฟ้าที่จังหวัดราชบุรีของบริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้วแม้ว่าเราจะเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าเอกชน แต่เราให้ความสำคัญและสนับสนุนมาตรการดำเนินการเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ และมั่นใจว่าจะทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามทุกภาคส่วนก็ควรมีการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพในช่วงนั้น เพื่อช่วยเหลือภาครัฐอีกทางหนึ่งด้วย”

สำหรับ โรงไฟฟ้าราชบุรีได้สำรองน้ำมันเตาจำนวน 67 ล้านลิตร ซึ่งจะสามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้ 11 วัน และสำรองน้ำมันดีเซลจำนวน 29 ล้านลิตรสำหรับเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า 3 วัน ด้านโรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ได้ทดสอบเดินเครื่องด้วยน้ำมันดีเซลทุกเดือน และจัดเตรียมสำรองน้ำมันดีเซลไว้จำนวน 21 ล้านลิตร ซึ่งสามารถเดินเครื่องติดต่อกันได้ 3 วัน สำหรับโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ มีการทดสอบเดินเครื่องด้วยน้ำมันดีเซลเป็นประจำ และจัดเตรียมน้ำมันดีเซลสำรองไว้ประมาณ 10 ล้านลิตร ซึ่งจะเดินเครื่องต่อเนื่องได้ 3 วัน สำหรับปริมาณเชื้อเพลิงที่โรงไฟฟ้าทั้งสามแห่งสำรองไว้เพียงพอที่จะเดินเครื่องในช่วงเวลาหยุดส่งก๊าซธรรมชาติจากพม่า

นอกเหนือจากความพร้อมด้านเชื้อเพลิงสำรองและประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าแล้ว บริษัทฯ ยังได้คำนึงถึงมาตรการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมจากการเดินเครื่องด้วยน้ำมัน โดยโรงไฟฟ้าทุกแห่งได้ดำเนินการตรวจสอบประสิทธิภาพระบบกำจัดควบคุมมลสารและการตรวจวัดค่ามลสารต่างๆ ให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากลยอมรับ พร้อมทั้งเตรียมการสื่อสารให้ชุมชนโดยรอบโรงไฟฟ้าได้ทราบถึงมาตรการต่างๆ ของโรงไฟฟ้าก่อนถึงช่วงเวลาดังกล่าวอย่างทั่วถึงด้วย

โรงไฟฟ้าราชบุรี ตั้งอยู่ที่จังหวัดราชบุรี ถือเป็นโรงไฟฟ้าหลักของบริษัทฯ ที่ถือหุ้นร้อยละ 99.99 มีกำลังผลิตติดตั้ง 3,645 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังความร้อน 2 หน่วย กำลังผลิตติดตั้งรวม 1,470 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 ชุด กำลังผลิตติดตั้งรวม 2,175 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าทั้งสองประเภทใช้ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งยานาดาและเยตากุนของพม่าเป็นเชื้อเพลิงหลัก
และใช้น้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลตามลำดับเป็นเชื้อเพลิงสำรอง

โรงฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม มีกำลังผลิตติดตั้ง 1,400 เมกะวัตต์ ใช้ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งยานาดาและเยตากุนของพม่าเป็นเชื้อเพลิงหลัก และใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงสำรอง โดยบริษัทฯ ถือหุ้น ร้อยละ 25 ตั้งอยู่ที่จังหวัดราชบุรี เช่นเดียวกับโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 50 เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม กำลังผลิตติดตั้ง 700 เมกะวัตต์ ใช้ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งยานาดาและเยตากุนของพม่าเป็นเชื้อเพลิงหลัก และน้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงสำรอง