เนื้อหาวันที่ : 2013-08-22 10:52:56 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2180 views

รฟม.ยันเดินหน้าก่อสร้างรถไฟฟ้า ครบ 9 เส้นทางในปี 2562

ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ยืนยันจะเดินหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า ครบ 9 เส้นทางในปี 2562 เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนกว่า 5 ล้านคนต่อวัน และช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ยืนยัน เดินหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าใหครบ 9 เส้นทางในปี 2562 เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนกว่า 5 ล้านคนต่อวัน และช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม.กล่าวในโอกาสครบรอบ 21 ปี วันก่อตั้ง รฟม.ว่า ในปีนี้ รฟม. กำลังเร่งก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบ 3 เส้นทาง ประกอบด้วย สายสีม่วงส่วนต่อขยายบางใหญ่-บางซื่อ คืบหน้ากว่าร้อยละ 68 จะแล้วเสร็จปลายปี 2558 โครงการสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ- ท่าพระ คืบหน้าร้อยละ 39.52

คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ปลายปี 2559 และโครงการสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ คืบหน้าร้อยละ 13.58 แล้วเสร็จพร้อมเปิดใหบริการได้ ปี 2560 ทั้งนี้ปัจจุบัน รฟม. ให้บริการรถไฟฟ้าเพียง 1 สายทาง คือสายสีม่วง หัวลำโพง-บางซื่อ นอกจากนี้ยังมีอีก 3 โครงการ ประกอบด้วย รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี สายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต

และโครงการสายสีส้มตะวันออก ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี อยู่ระหว่างการนำเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณา ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลโครงการได้ภายในปี 2557 ส่วนอีกโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงตอนใต้ใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และอีกช่วงของสายสีส้มตะวันตก ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม อยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบ และประมูลได้ภายในปี 2558 โดยโครงการทั้งหมดมีมูลค่ารวม 700,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม รฟม.จะเร่งดำเนินโครงการก่อสร้างทั้ง 9 เส้นทาง เพื่อเปิดให้บริการได้ครบทุกสายทางในปี 2562 ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล รองรับผู้โดยสารได้กว่า 5 ล้านคนต่อวัน จะช่วยลดปัญหาการจราจร พัฒนาคุณภาพชีวิต กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

สำหรับบการจัดงานครบรอบ 21 ปี มีการมอบรางวัลการออกแบบมาสคอตและสติ๊กเกอร์แอพลิเคชั่นไลน์ และเปิดห้องนิทรรศการ ให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลโครงการรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของ รฟม.ด้วย

ที่มา : นภสร แก้วคำ(2) / สวท.