ช.การช่าง ลงนาม ซีเค พาวเวอร์ พัฒนาโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำบาก ใน สปป. ลาว สัญญาพัฒนาโครงการ กับรัฐบาลลาว
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่ม ช.การช่าง ได้บรรลุข้อตกลงในการลงนามพัฒนาโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำบาก ใน สปป. ลาว เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมอบหมายให้ บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ลงนาม สัญญาพัฒนาโครงการ (Project Development Agreement) กับรัฐบาลลาว
และจากนี้ไปจะเร่งรัดดำเนินการทำสัญญาซื้อขายไฟ และสัญญาก่อสร้างให้แล้วเสร็จ โดยในส่วนของงานก่อสร้าง บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด จะว่าจ้างบริษัท ช.การช่าง เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เนื่องจาก ช. การช่างเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญและประสบความสำเร็จในการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ในประเทศลาวมาแล้วเช่นเขื่อนน้ำงึม 2 และฝายน้ำล้นไซยะบุรี โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปลายปี 2557 และมีมูลค่าโครงการประมาณ 20,000 ล้านบาท เป็นงานก่อสร้างประมาณ 17,000 ล้านบาท
ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการเขื่อนน้ำบาก มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า 160 เมกะวัตต์ สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 744 ล้านหน่วยต่อปีหรือประมาณ 50% ของเขื่อนภูมิพล ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปีครึ่ง โครงการนี้ผลิต ไฟฟ้าด้วยพลังน้ำซึ่งเป็นพลังงานสะอาด หมุนเวียน เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และจะเสริมศักยภาพและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้ CKP ในอนาคตโดยจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในพอร์ทของ CKP อีก 160 เมกะวัตต์ และเมื่อรวมกับโครงการบางปะอินโคเจนเนอ์เรชั่นเฟส 2 อีก 120 เมกะวัตต์ในปี 2560 และโครงการไซยะบุรีอีก 1,285 เมกะวัตต์จะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมในพอร์ทของ CKP เติบโตจาก 754.5 เมกะวัตต์ ในปี 2556 เป็น 2,319.5 เมกะวัตต์ ในปี 2562
ในส่วนของโครงการที่เริ่มผลิตไฟฟ้าแล้ว ได้แก่ โครงการเขื่อนน้ำงึม 2 ซึ่งเริ่มผลิตไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2554ขณะนี้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากเนื่องจากอยู่ในฤดูมรสุมทำให้ต้องผลิตไฟฟ้าเต็มกำลังผลิตและโครงการโรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอ์เรชั่นเฟส 1 กำลังการผลิต 117.5 เมกะวัตต์ ของ CKP ซึ่งเริ่มผลิตไฟฟ้าเมื่อ ปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ทั้ง 2 โครงการนี้จะหนุนรายได้ของ CKP ในปี 2556 ให้สูงขึ้นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เพื่อรองรับการเปิด AEC ในปี 2558 และการขยายธุรกิจของ CKP ให้เติบโตอย่างมั่งคงและยั่งยืน CKP กำลังศึกษาที่จะพัฒนาเขื่อนต่างๆในประเทศลาวเพิ่มเติมอีก รวมทั้งโรงไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ซึ่ง CKP มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความพร้อมที่จะลงทุน ดำเนินการได้ทันที