นที่บริเวณจอมเทียนเป็นที่นิยมมากขึ้นในแง่ของการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมด้วยตัวเลขยูนิตใหม่ประมาณ 4,247 ยูนิต
ประเด็นสำคัญ
- อุปทานรวมของคอนโดมิเนียมในพัทยา ณ สิ้นครึ่งปีแรกของปี ค.ศ. 2013 อยู่ที่ 40,939 ยูนิต เพิ่มขึ้น 32.9% จากช่วงสิ้นครึ่งปีหลังของปี ค.ศ. 2012
- ห้องคอนโดมิเนียมประมาณ 10,153 ยูนิตจากโครงการคอนโดมิเนียม 20 แห่งเข้าสู่ตลาดในช่วงครึ่งปีแรกของปี ค.ศ. 2013
- พื้นที่บริเวณจอมเทียนเป็นที่นิยมมากขึ้นในแง่ของการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมด้วยตัวเลขยูนิตใหม่ประมาณ 4,247 ยูนิตในช่วงครึ่งปีแรกของปี ค.ศ. 2013 หรือราว 42% ของจำนวนห้องใหม่ทั้งหมด
- อุปสงค์ของคอนโดมิเนียมในพัทยา ณ สิ้นครึ่งปีแรกของปี ค.ศ. 2013 อยู่ที่ 21,614 ยูนิต อัตราการซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 50.3% ของสิ้นครึ่งปีหลังของปี ค.ศ. 2012 เป็น 51.7% ณ สิ้นครึ่งปีแรกของปี ค.ศ. 2013
- คอนโดมิเนียมวิวทะเลในบริเวณพัทยาเหนือ/วงศ์อมาตย์มีราคาขายต่อตารางเมตรเฉลี่ยสูงสุดในตลาดคอนโดมิเนียมพัทยาที่ประมาณ 135,240 บาทต่อตารางเมตร ตามด้วยย่านจอมเทียนและพระตำหนักที่ราว 128,725 บาทต่อตารางเมตรและ 89,010 บาทต่อตารางเมตรตามลำดับ
ภาพรวมตลาด
นางสาว ริษิณี สาริกบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าตลาดคอนโดมิเนียมพัทยายังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ปีที่แล้วก็เป็นปีที่มีผลประกอบการดีโดยตลอด จำนวนยูนิตคอนโดมิเนียมเพิ่มใหม่มีประมาณ 10,153 ยูนิต ทำให้จำนวนยูนิตรวมเป็น 40,939 ณ สิ้นครึ่งปีแรกของปี ค.ศ. 2013 อัตราการซื้อเพิ่มขึ้นในทุกย่านเป็น 51.7% จากเดิม 50.3% ในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว ราคาเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์มีราคาสูงกว่าคอนโดมิเนียมที่เป็นแบบโลว์ไรส์อยู่มาก นั่นเป็นเพราะว่าคอนโดมิเนียมที่เป็นอาคารสูงจะมีค่าวิวทะเลเพิ่มเข้ามา คอนโดมิเนียมในย่านพระตำหนักมีราคาขายเฉลี่ยสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรกของปี ค.ศ. 2013 ที่ราว 96,286 บาทต่อตารางเมตร สำหรับในพื้นที่อื่นๆนั้นโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่เป็นอาคารโลว์ไรส์ในย่านจอมเทียนจะมีราคาสูงสุดเนื่องจากมีสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกดี อาทิ ธีมรีสอร์ทขนาดใหญ่
พัทยาเป็นทำเลริมทะเลที่ผู้คนชื่นชอบมากที่สุดทำเลหนึ่ง ทั้งนี้เป็นเพราะการเดินทางที่สะดวกไปยังจุดหมายต่างๆในทวีปเอเชีย การส่งเสริมการลงทุนในระบบโครงสร้างของภาครัฐ การยกระดับสนามบินอู่ตะเภาให้มีความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจำนวน 5 ล้านรายต่อปี ตลอดจนระบบรถไฟความเร็วสูงที่วางแผนจะสร้างเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพมหานครและพัทยาซึ่งจะช่วยนำผู้คนมาสู่พัทยาได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันพัทยาเป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจระดับนานาชาติสำหรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่กำลังจะเกิดขึ้น สามารถดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศได้ และมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แนวโน้มอุปทาน
จากผลวิจัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ตลาดคอนโดมิเนียมพัทยามีจำนวนประมาณ 40,939 ยูนิต ณ ช่วงกลางปี ค.ศ. 2013 ในจำนวนนี้รวมห้องคอนโดมิเนียมใหม่ประมาณ 10,153 ยูนิตจากโครงการคอนโดมิเนียม 20 แห่งที่เปิดตัวในช่วงครึ่งปีแรกของปี ค.ศ. 2013 หรือเพิ่มขึ้น 32.9% จากสิ้นปี ค.ศ. 2012 ในปีนี้มีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ริเริ่มพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพัทยาหลายราย ได้แก่ เอสซีแอสเซ็ท แสนสิริ ศุภาลัย ควอลิตี้เฮ้าส์ และ เอ็นซีเฮ้าซิ่ง สำหรับเอ็นซีเฮ้าซิ่ง ศุภาลัยและแสนสิรินั้นมีโครงการอยู่ในย่านพัทยาเหนือ ส่วนควอลิตี้เฮ้าส์และเอสซีแอสเซ็ทเลือกพัฒนาโครงการในย่านพัทยาใต้ โครงการใหม่ทั้งหมดนี้อยู่ค่อนข้างไกลจากชายหาดแต่ก็สามารถมอบความสะดวกเนื่องจากอยู่ใกล้ระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โครงการของบริษัทผู้พัฒนา 4 จาก 5 รายเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ มีเฉพาะเอ็นซีเฮ้าซิ่งเท่านั้นที่เลือกพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์
ห้องคอนโดมิเนียมใหม่ส่วนมากที่เข้าสู่ตลาดในช่วงครึ่งแรกของปีนี้กระจุกตัวกันอยู่ในย่านจอมเทียนหรือคิดเป็นประมาณ 42% ของทั้งหมด โครงการคอนโดมิเนียมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมีชื่อว่าเซเว่นซีส์คอนโดรีสอร์ทจอมเทียน ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 15 ไร่ในซอยชัยพฤกษ์ ห่างจากหาดเพียง 350 เมตร ตัวโครงการประกอบด้วยอาคารแบบโลว์ไรส์จำนวน 8 อาคาร แต่ละอาคารมี 8 ชั้น มีจำนวนยูยิตรวม 1,450 ยูนิต
ย่านที่เป็นที่นิยมอันดับสองคือพัทยาเหนือ/วงศ์อมาตย์ มีจำนวนยูนิตคอนโดมิเนียมใหม่ประมาณ 3,114 ยูนิตหรือประมาณ 30% ของจำนวนห้องใหม่ทั้งหมด ผู้ซื้อคอนโดมิเนียมชาวไทยชอบย่านพัทยาเหนือ/วงศ์อมาตย์เนื่องจากมองว่าเป็นบริเวณที่เงียบสงบ ทั้งยังเป็นโซนใหม่ของการพัฒนาโครงการโดยผู้ประกอบการในท้องถิ่นและผู้ประกอบการจากกรุงเทพอีกด้วย โครงการที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในย่านนี้ คือ ศุภาลัยมาเรแอ็ทพัทยา เป็นอาคารสูง 35 ชั้นซึ่งมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 1,154 ยูนิต
จำนวนยูนิตใหม่ในบริเวณพัทยาใต้อยู่ที่ 1,800 ยูนิตหรือ 18% ของจำนวนยูนิตใหม่ทั้งหมด พัทยาใต้ถือว่าเป็นย่านที่วุ่นวายเนื่องจากมีห้างสรรพสินค้าหลายแห่งตลอดจนร้านอาหารและสถานบันเทิงต่างๆ ทำเลนี้จึงมีผู้คนคลาคล่ำและไม่น่าสนใจสำหรับการสร้างโครงการที่พักอาศัยเท่าย่านอื่นๆ ส่วนจำนวนยูนิตใหม่ในย่านพระตำหนักนั้นมีเพียง 992 ยูนิตหรือคิดเป็น 10% ของทั้งหมดเท่านั้น
แนวโน้มอุปสงค์
อุปสงค์คอนโดมิเนียมในพัทยา ณ สิ้นครึ่งปีแรกของปี ค.ศ. 2013 อยู่ที่ 21,614 ยูนิตหรือคิดเป็นอัตราซื้อ 51.7% อัตราซื้อนี้เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี ค.ศ. 2013 จากเพียง 50.3% ณ สิ้นปี ค.ศ. 2012 เป็น 51.7% ณ กลางปี ค.ศ. 2013 จำนวนยูนิตที่ขายได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี ค.ศ. 2013 คือ 5,682 ยูนิต ความต้องการสูงสุดอยู่ในกลุ่มคอนโดมิเนียมระดับประหยัดซึ่งมีราคาขาย 1-2 ล้านบาทต่อยูนิตสำหรับห้องขนาดเล็กราว 25-30 ตารางเมตร ผู้ซื้อคือชาวไทยที่ทำงานในย่านอีสเทิร์นซีบอร์ด คนกรุงเทพที่ต้องการบ้านหลังที่สองเป็นที่ตากอากาศและชาวรัสเซียที่ต้องการหลบความหนาวเย็นของหน้าหนาวที่บ้านเกิดของตน
แนวโน้มราคา
ราคาขายคอนโดมิเนียมในพัทยาจะแตกต่างกันไปตามทำเลและวิว โครงการที่เป็นอาคารสูงบางโครงการที่ไม่ติดหาดก็ยังมีวิวทะเล คอนโดมิเนียมที่มีราคาขายสูงสุดคือยูนิตในย่านพัทยาเหนือซึ่งเป็นทำเลที่ผู้ซื้อชาวไทยซึ่งส่วนมากอาศัยอยู่ที่กรุงเทพมหานครชื่นชอบ โครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ในย่านนี้จะตั้งอยู่ใกล้กับชายหาด มีวิวทะเล และขายที่ราคาสูงกว่า 130,000 บาทต่อตารางเมตร โครงการอื่นๆในย่านพัทยาเหนือซึ่งไม่มีวิวทะเลมีราคาขายอยู่ในระดับ 55,108 - 71,250 บาทต่อตารางเมตร
โครงการที่มีวิวทะเลส่วนมากที่เปิดตัวในช่วงครึ่งปีแรกของปี ค.ศ. 2013 จะอยู่ในย่านจอมเทียนและพระตำหนัก ราคาขายคอนโดมิเนียมวิวทะเลย่านจอมเทียนอยู่ในช่วง 91,372 - 140,000 บาทต่อตารางเมตร สำหรับคอนโดมิเนียมย่านพระตำหนักมีราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 77,610 บาทต่อตารางเมตรในปี ค.ศ. 2012 เป็น 89,010 บาทต่อตารางเมตรในช่วงครึ่งปีแรกของปี ค.ศ. 2013
มุมมองอนาคต
นางสาวริษิณี คาดการณ์ว่าพัทยาจะเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับการพัฒนาคอนโดมิเนียมไทยโดยมีกระแสความคึกคักของตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นแรงผลักดัน ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี ค.ศ. 2013 จะมีจำนวนยูนิตคอนโดมิเนียมใหม่เข้าสู่ตลาดอีก 1,890 ยูนิต
จอมเทียนและนาจอมเทียนจะเป็นทำเลสำคัญที่จะมีการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ปัจจัยเสริมที่ช่วยให้ย่านนี้ได้เปรียบย่านอื่นๆในพัทยา ได้แก่ ถนนสายใหม่ที่ตัดขนานกับถนนเลียบหาดจอมเทียน ห่างออกไป 400 เมตร และสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ อาทิ ตลาดจอมเทียน สวนน้ำรามายณะที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สวนน้ำการ์ตูนเน็ตเวิร์คอะเมโซนซึ่งจะเปิดให้บริการหลังจากนี้ในปีนี้ และศูนย์การค้าแกรนด์คิงดอมซึ่งจะดึงดูดครอบครัวที่มีเด็กเล็กและนักช้อปอื่นๆเข้าสู่ย่านนี้
จากนี้ไปจะมีอุปสงค์คอนโดมิเนียมในพัทยาเกิดขึ้นใหม่จากผู้ซื้อชาวไทย โดยเฉพาะสำหรับโครงการในบริเวณพัทยาเหนือ/วงศ์อมาตย์เพราะมีร้านอาหาร ร้านค้าและศูนย์การค้าพร้อมให้บริการอยู่แล้ว ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมที่เงียบสงบในแถบจอมเทียนก็เป็นที่สนใจของชาวรัสเซียและสแกนดิเนเวียนซึ่งมองหาคอนโดมิเนียมราคาพอซื้อหาได้เพื่อใช้พัทยาเป็นบ้านหลังที่สองหรือบ้านพักตากอากาศในเมืองอันสงบสุขแห่งนี้