เนื้อหาวันที่ : 2013-08-08 15:09:04 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 615 views

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค แชมเปี้ยนพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการพลังงานระดับโลก ประกาศความพร้อมในการขยายฐานธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย ด้วยความสามารถในการให้บริการโซลูชั่นในการแปลงพลังงานเพื่อการใช้แอพพลิเคชั่นพลังงานแสงอาทิตย์อย่างครบวงจร อีกทั้งความเชี่ยวชาญด้านการให้บริการ ตลอดจนความสำเร็จในการให้บริการที่ผ่านมาทั้งภายในประเทศ และระดับโลก ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ตั้งเป้าที่จะผลิตพลังงานมากกว่า 100 เมกะวัตต์จากโรงงานพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่หลายแห่งภายในสิ้นปี พร้อมเล็งขยายธุรกิจเข้าสู่กลุ่มอาคาร และที่พักอาศัยในเวลาเดียวกัน

จากรายงานของกรมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน สภาพทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยเหมาะสมสำหรับการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ เนื่องจากมีปริมาณความเข้มข้นของรังสีอยู่ในระดับสูงทั้งในแง่ของพลังงานทางตรง และในแบบกระจาย รายงานระบุว่า 14.3% ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์โดยเฉลี่ยสูงถึง 19-20 เมกกะจูลต่อตารางเมตรต่อ 1 วัน  ในขณะที่อีก 50% ของพื้นที่ทั้งหมดได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ 18-19 เมกะจูลต่อตาตรารางเมตรต่อ 1 วัน ดังนั้น เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มประเทศ "เข็มขัดสุริยะ" (sun-belt) ที่มีศักยภาพสูงในการผลิตกระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์

มาร์ค ลีส หัวหน้าฝ่ายพลังงานแสงอาทิตย์ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ภาคพื้นเอเชียตะวันออก กล่าวว่า การขยายเข้าสู่ธุรกิจใหม่ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในครั้งนี้เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลไทยด้านพลังงานแสงอาทิตย์

"ปัจจุบัน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อให้โครงการด้านโซลาร์หลายแห่งในหลายจังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ตาก สุโขทัย และอยุธยาสำเร็จไปด้วยดี โดยโครงการทั้งหมดเหล่านั้นจะจะผลิตพลังงานมากกว่า 100 เมกะวัตต์โดยรวม" มาร์คกล่าว "จากการที่รัฐบาลตั้งเป้าที่จะผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ให้ได้ 3,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2564 ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่มีการใช้งานเทคโนโลยีแสงอาทิตย์ในระดับแนวหน้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะเป็นตัวอย่างที่ดีของการมีนโยบายด้านพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงได้ดำเนินรอยตาม ด้วยประสบการณ์ และความสำเร็จในการนำเสนอโซลาร์ โซลูชั่นภายในประเทศไทย ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กำลังเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจภายในภูมิภาคด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากภูมิภาคอาเซียนเป็นภูมิภาคที่กำลังเติบโต" เขากล่าวเพิ่มเติม

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นผู้นำด้านโซล่าร์ โซลูชั่นในระดับโลกที่มีทั้งความเชี่ยวชาญ และเครือข่ายพันธมิตรในวงกว้าง รวมถึงความสามารถในการให้บริการโซล่าร์ โซลูชั่นแบบครบวงจรที่ครอบคลุมห่วงโซ่การแปลงพลังงานกระแสไฟที่ได้รับการตอบรับที่ดียิ่งจากลูกค้า

นายปริญญา พงษ์รัตนกูล รองประธานบริษัท หน่วยธุรกิจ Energy & Infrastructure ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ไทยแลนด์ กล่าวว่า "เราเริ่มต้นธุรกิจด้านพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2553 โดยวางเป้าหมายไปที่โซล่าร์ฟาร์มเป็นหลัก ด้วยนโยบายใหม่ของภาครัฐ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค วางแผนที่จะขยายการให้การโซลูชั่นสำหรับลูกค้าในกลุ่มที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และอาคารอุตสาหกรรมที่ต้องการการติดตั้งตั้งแต่ระดับ 3 กิโลวัตต์ไปจนถึงระดับ 1 เมกะวัตต์โดยเฉพาะ"

"ชไนเดอร์ อิเล็คทริค สามารถเติมเต็มความต้องการด้านพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับลูกค้าได้ โดยเริ่มจากผลิตภัณฑ์ไปจนถึงโซลูชั่นแบบครบวงจรที่ครอบคลุมอุปกรณ์ไฟฟ้า ระบบการจัดการอาคาร และระบบความปลอดภัยที่สามารถบูรณาการให้ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ยิ่งกว่านั้น เพื่อให้ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ของเราสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ในครัวเรือน เราวางแผนที่จะทำงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่มีอยู่ทั่วประเทศซึ่งมีความเชี่ยวชาญในระบบพลังงานแสงอาทิตย์ และความปลอดภัยด้านกระแสไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะ และ เราจะเดินหน้าในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ และสร้างช่องทางใหม่ๆ ในการเข้าถึง และให้การสนับสนุนลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น เพื่อครองตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย

"สำหรับโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือ หนึ่งในผู้ให้บริการโซลูชั่นส์เพียงไม่กี่รายที่สามารถให้การสนับสนุนด้านการให้บริการซ่อมบำรุงในระยะยาว ซึ่งทั้งหมดมาจากความเชี่ยวชาญ และความแข็งแกร่งของทีมงานภายในประเทศที่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการใช้พลังงานอย่างมีเสถียรภาพ" นายปริญญากล่าว ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ภูมิใจที่ได้มีส่วนในการสนับสนุนนโยบายด้านพลังงานในประเทศไทย บริษัทวางตัวที่จะเป็นผู้ให้บริการทั้งด้านเทคโนโลยี และโซลูชั่นส์ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ในระดับแนวหน้า พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นที่ครบวงจร ไปจนถึงการให้บริการ ความเชี่ยวชาญ และเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่มีอยู่ทั่วประเทศ