กสทช. ส่งหนังสือทวงคลื่น 1800 MHz ที่จะสิ้นสุดสัมปทานจาก CAT พร้อมประชาสัมพันธ์และเร่งผู้ให้บริการแจ้งผู้ใช้ทราบถึงการสิ้นสุดสัมปทานรวมถึงสิทธิของผู้ใช้บริการ ทั้งย้ำรายได้หลัง 15 กันยาหลังหักค่าใช้จ่ายส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน
กสทช. ส่งหนังสือทวงคลื่น 1800 MHz ที่จะสิ้นสุดสัมปทานจาก CAT พร้อมประชาสัมพันธ์และเร่งผู้ให้บริการแจ้งผู้ใช้ทราบถึงการสิ้นสุดสัมปทานรวมถึงสิทธิของผู้ใช้บริการ ทั้งย้ำรายได้หลัง 15 กันยาหลังหักค่าใช้จ่ายส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน
กสทช. ส่งหนังสือแจ้งให้ CAT คืนคลื่นความถี่ 1800 MHz กลับมายัง กสทช. เพื่อนำไปดำเนินการจัดสรรใหม่ตามกฎหมาย หลังจากสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในวันที่ 15 กันยายนนี้ พร้อมประชาสัมพันธ์และส่งหนังสือถึง CAT TRUE และ DPC ให้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1800 MHZ ทราบถึงการสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน รวมถึงสิทธิของผู้ใช้บริการตามาตรการเยียวยาของ กสทช. และย้ำว่ารายได้จากการให้บริการหลังวันที่ 15 กันยายน หักค่าดำเนินการของผู้ให้บริการแล้วจะนำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. ได้มีหนังสือแจ้งไปยังบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (CAT) เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2556 ว่า เมื่อสัญญาให้ดำเนินการให้บริการวิทยุคมนาคมระบบเซลลูล่า DIGITAL PCN (PERSONAL COMMUNICATION NETWORK) 1800 ระหว่างการสื่อสารแห่งประเทศไทยกับบริษัท ไวร์เลส คอมมูนิเคชั่นส์ เซอร์วิส จำกัด (บริษัท ทรู มูฟ จำกัด) และสัญญาให้ดำเนินการให้บริการวิทยุคมนาคมระบบเซลลูล่า DIGITAL PCN (PERSONAL COMMUNICATION NETWORK) 1800 ระหว่างการสื่อสารแห่งประเทศไทยกับบริษัท ดิจิตอล โฟน จำกัด สิ้นสุดลงในวันที่ 15 กันยายน 2556 สิทธิในการใช้คลื่นความถี่เพื่อการประกอบกิจการโทรคมนาคมตามสัญญาดังกล่าว ย่อมที่จะสิ้นสุดลงด้วยเช่นกัน โดยสิทธิในการใช้งานคลื่นความถี่ดังกล่าวย่อมตกคืนแก่สาธารณะซึ่ง กสทช. โดย กทค. เป็นผู้มีอำนาจในการบริหารจัดการสิทธิในการใช้งานคลื่นความถี่ดังกล่าวตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามที่พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 กำหนด
ทั้งนี้ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) มีหน้าที่คืนคลื่นความถี่ดังกล่าวเพื่อให้ กสทช. นำคลื่นความถี่ดังกล่าวไปจัดสรรใหม่หรือปรับปรุงการใช้งานคลื่นความถี่ตามกฎหมายกำหนด และมีหน้าที่ในการจัดให้มีมาตรการเยียวยาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อผู้ใช้บริการภายหลังการสิ้นสุดการอนุญาตให้ประกอบกิจการ ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 และข้อ 24 ของเงื่อนไขในการอนุญาตใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม และมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และด้วยเหตุดังกล่าว จึงห้ามมิให้บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ใช้คลื่นความถี่ดังกล่าวภายหลังสัญญาสัมปทานสิ้นสุดลง โดยให้คืนคลื่นความถี่ดังกล่าวเพื่อให้ กสทช. นำไปจัดสรรใหม่หรือปรับปรุงการใช้งานคลื่นความถี่ตามกฎหมายกำหนด และให้ดำเนินการการจัดให้มีมาตรการเยียวยาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อผู้ใช้บริการภายหลังการสิ้นสุดการอนุญาตให้ประกอบกิจการตามที่ กสทช. ประกาศกำหนดต่อไป
นายฐากร กล่าวว่า ในส่วนของการคุ้มครองผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1800 MHz ของบริษัท ไวร์เลส คอมมูนิเคชั่นส์ เซอร์วิส จำกัด (บริษัท ทรู มูฟ จำกัด) และบริษัท ดิจิตอล โฟน จำกัด ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในวันที่ 15 กันยายน (2556) ที่จะถึงนี้ สำนักงาน กสทช. จะได้ทำการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ไปยังประชาชนผู้ใช้บริการให้ทราบถึงการสิ้นสุดสัญญาสัมปทานและสิทธิของผู้ใช้บริการในการโอนย้ายเพื่อไปใช้บริการกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายอื่น พร้อมกันนี้ได้มีหนังสือเรื่อง การดำเนินการเพื่อคุ้มครองผู้ใช้บริการกรณีการสิ้นสุดการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญา ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2556 ถึงบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ได้รับการจัดสรรคลื่นความถี่ ย่าน 1800 MHz และบริษัท ไวร์เลส คอมมูนิเคชั่นส์ เซอร์วิส จำกัด (บริษัท ทรู มูฟ จำกัด) กับบริษัท ดิจิตอล โฟน จำกัด ในฐานะผู้ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการตามสัญญาดังกล่าว ดำเนินการส่งข้อความสั้น (SMS) และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่ออื่น ถึงผู้ใช้บริการเพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับระยะเวลาการสิ้นสุดการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1800 MHz อนึ่ง การดำเนินการดังกล่าวของสำนักงานเป็นไปตามที่มติที่ประชุม กทค. ครั้งที่ 23/2556 เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2556
สิทธิของผู้ใช้บริการตามมาตรการเยียวยาของ กสทช. ซึ่งจะเปิดรับฟังความคิดเห็นก่อนประกาศใช้ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไปประกอบด้วย 1) ให้รัฐวิสาหกิจและเอกชนผู้รับสัญญาร่วมกันรับผิดชอบให้บริการแก่ผู้ใช้บริการต่อไปอีกช่วงเวลาหนึ่ง อย่างได้คุณภาพตามมาตรฐานเดิม 2) ช่วงเวลาคุ้มครองนี้ต้องมีระยะเวลาจำกัดไม่เกิน 1 ปี โดยเมื่อการจัดสรรคลื่นความถี่ให้ผู้รับอนุญาตเสร็จลุล่วงแล้ว จะต้องสามารถส่งมอบคลื่นที่พร้อมใช้ที่ไม่มีผู้ใช้บริการเดิมหลงเหลืออยู่ ให้ผู้รับอนุญาตรับไปดำเนินการได้ทันที 3) ในช่วงเวลาคุ้มครองนี้จะต้องเร่งประชาสัมพันธ์และส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการที่หลงเหลืออยู่ในระบบ ย้ายไปสู่บริการใหม่โดยเปิดกว้างให้มากที่สุดตามแผนงานที่กำหนดได้อย่างเห็นจริง และขณะเดียวกันจะต้องไม่มีการรับผู้ใช้บริการรายใหม่เข้ามาในระบบอีก
เลขาธิการ กสทช. ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า สำหรับข้อความสั้น (SMS) 2 ข้อความที่จะให้บริษัททั้ง 3 ส่งถึงผู้ใช้บริการที่ยังคงใช้บริการตามสัญญาสัมปทานทั้งสองฉบับ คือ “กสทช. ขอแจ้งว่าเลขหมายท่านอยู่ในสัมปทานคลื่น 1800 MHz ที่จะสิ้นสุดลง 15 กันยายน นี้ ท่านจะยังคงใช้บริการได้ภายในไม่เกิน 1 ปี หากประสงค์จะโอนย้ายเลขหมายไปยังเครือข่ายอื่น กรุณาติดต่อผู้ให้บริการรายใหม่ สอบถามโทร 1200 (ฟรี)” และ“กสทช. คุ้มครองสิทธิเลขหมายนี้ สามารถใช้ได้ต่อเนื่องถึงไม่เกิน 15 ก.ย.57 กรุณาโอนย้ายเลขหมายท่านไปยังผู้ให้บริการรายอื่น สอบถามโทร. 1200 ฟรี” การส่งข้อความสั้น (SMS) นี้เพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับระยะเวลาการสิ้นสุดการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1800 MHz และสิทธิของผู้ใช้บริการในการโอนย้ายเพื่อไปใช้บริการกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายอื่น รวมถึงแจ้งช่องทางการติดต่อ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการของคู่สัญญา และศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สำนักงาน กสทช. Call Center 1200
นายฐากร ยืนยันว่า การให้บริการผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1800 MHz ที่ยังคงค้างอยู่ในระบบภายหลังวันที่ 15 กันยายน 2556 จะเป็นการดำเนินการตามมาตรการเยียวยาผู้ใช้บริการในกรณีสิ้นสุดอายุการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ กสทช. เท่านั้น ไม่ใช่การต่ออายุสัญญาสัมปทาน โดยสำนักงานจะนำเสนอแนวทางการการดำเนินการเรื่องรายได้ในช่วงมาตรการเยียวยาต่อ กทค. โดยสำนักงาน กสทช.จะขอให้มีการตั้งคณะทำงานพิจารณารายได้และรายจ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างมาตรการเยียวยามาเป็นผู้พิจารณา คณะทำงานชุดนี้จะประกอบด้วย ผู้แทนกระทรวงการคลัง สำนักงานอัยการสูงสุด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันพิจารณารายได้และรายจ่ายดังกล่าวเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม โดยรายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะนำส่งกระทรวงการคลังเป็นรายได้แผ่นดินและจะหักเพียงต้นทุนค่าเช่าโครงข่ายและต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของผู้ให้บริการเท่านั้น สำนักงาน กสทช.จะนำเสนอแนวทางการดำเนินการเรื่องรายได้นี้ประกบไปกับร่างที่ผ่านการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในวันที่ 25 กรกฎาคม นี้ เพื่อให้ กทค. และ กสทช. พิจารณาให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
สำหรับ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการในกรณีสิ้นสุดอายุการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. .... จะเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในวันพรุ่งนี้ (25 กรกฎาคม 2556) ณ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี กรุงเทพมหานคร