ปตท.สผ.และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ปี 2556 รวม 361 ล้านดอลลาร์
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช (Mr. Tevin Vongvanich) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยผลการดำเนินงาน ไตรมาสที่ 2 ปี 2556 และผลการดำเนินงานตามแผนธุรกิจดังนี้
ผลการดำเนินงานก่อนสอบทานไตรมาสที่ 2
ปตท.สผ.และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ปี 2556 รวม 361 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 10,664 ล้านบาท) , เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ปี 2555 จำนวน 250 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 7,733 ล้านบาท) โดยเป็นผลมาจากการดำเนินงานตามปกติจำนวน 535 ล้านดอลลาร์ สรอ. และขาดทุนจากรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานปกติ (Non-Recurring) จำนวน 174 ล้านดอลลาร์ สรอ.
สำหรับรายได้รวมของ ปตท.สผ. และบริษัทรายย่อยในไตรมาสนี้ มีจำนวน 1,851 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 55,326 ล้านบาท) เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2555 จำนวน 1,667 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 52,164 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 184 ล้านดอลลาร์ สรอ. คิดเป็นร้อยละ 11 โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 292,721 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการขายเฉลี่ยในไตรมาส 2 ปี 2555 ที่ 263,441 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน
โดยเป็นผลมาจากโครงการบงกชมีปริมาณการขายก๊าซธรรมชาติและคอนเดนเสทเพิ่มขึ้น รวมทั้ง ปริมาณการขายน้ำมันดิบจากโครงการเอส 1 เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ประกอบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่เป็นเงินดอลลาร์ สรอ. ในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นเป็น 65.16 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบเมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยของไตรมาส 2 ปี 2555 ที่ 64.17 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานรวมของกลุ่มบริษัทฯ งวด 6 เดือนแรกของปี 2556 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2556 ในอัตราหุ้นละ 3 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นโดยเป็นเงิน ปันผลจ่ายจากกำไรสุทธิที่เสียภาษีเงินได้ตาม พ.ร.บ. ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมทั้งจำนวน โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 9 สิงหาคม 2556 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 สิงหาคม 2556
ผลการดำเนินงานตามแผนธุรกิจของ ปตท.สผ. สามารถสรุปการดำเนินงานโครงการหลัก ๆ ได้ ดังนี้
ด้านการสำรวจ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2556 นี้ โครงการพม่าเอ็ม 3 ได้เสร็จสิ้นเจาะหลุมประเมินผล 3 ใน 4 หลุมตามแผนการของปี และได้เริ่มทำการเจาะหลุมที่ 4 เพื่อพิสูจน์ศักยภาพเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการรอการอนุมัติจากรัฐบาลสหภาพเมียนมาร์ สำหรับการเข้าร่วมทุนของ Mitsui Oil Exploration Co., Ltd (MOECO) ร้อยละ 20 โดยบริษัทฯ ยังจะคงเป็นผู้ดำเนินการและถือสิทธิการร่วมทุนในสัดส่วนร้อยละ 80 ในแปลงนี้
ส่วน โครงการเมียนมาร์พีเอสซี จี และอีพี 2 ได้เริ่มดำเนินงานสำรวจคลื่นไหวสะเทือนแบบ 2 มิติแล้วทั้ง 2 แปลงโดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2556 ทางด้าน โครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ ได้ดำเนินการเจาะหลุมสำรวจระยะแรกเสร็จสิ้นทั้งหมด 9 หลุม ค้นพบน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติถึง 8 หลุม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างสำรวจระยะเวลาที่ 2 ( พฤษภาคม 2556 ถึง พฤษภาคม2558 ) ซึ่งมีแผนการในการทำสำรวจคลื่นไหวสะเทือนแบบ 3 มิติ และเจาะหลุมสำรวจและหลุมประเมินผลเพิ่มเติม
ด้านการพัฒนา โครงการซอติก้า อยู่ในระหว่างการก่อสร้างแท่นผลิตกลางและระบบท่อส่งก๊าซฯ ในพื้นที่นอกชายฝั่งและบนบก รวมทั้งการเจาะหลุมผลิต โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสแรกปี 2557 ด้าน โครงการแอลจีเรีย 433 เอ และ 416 บี เสร็จสิ้นการเจาะหลุมผลิตที่ 5 จาก 12 หลุมตามแผนงานระยะแรก ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการในส่วนของการก่อสร้างกระบวนการผลิตและระบบท่อขนส่ง (EPC 1) รวมถึงงานก่อสร้างที่พักอาศัยและสาธารณูปโภค (EPC 2) ในพื้นที่พัฒนา
โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเริ่มการผลิตได้ภายในครึ่งหลังของปี 2557สำหรับแหล่ง Leismer ของ โครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดี ได้เสร็จสิ้นการออกแบบในส่วนของการขยายกำลังการผลิต ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มอัตราการผลิตให้เป็น 40,000 บาร์เรลต่อวัน และอยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมสัญญาการจ้างสำหรับ Front End Engineering Design (FEED) ซึ่งคาดว่าจะอนุมัติภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2556 เช่นเดียวกับแหล่ง Corner ที่คาดว่าจะทำ FEED สำหรับกำลังการผลิตที่ 40,000 บาร์เรลต่อวัน แล้วเสร็จได้ในเดือนกันยายน 2556
ด้านการผลิต ปัจจุบัน แหล่งมอนทาราใน โครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย ได้เริ่มผลิตน้ำมันดิบและส่งเข้ากระบวนการผลิตของเรือ FPSO Montara Venture เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยระบบการผลิตจากแท่นหลุมผลิตและระบบของเรือ FPSO เริ่มทำงานคงที่เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2556 ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าอัตราการผลิตเริ่มแรกจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 21,000 บาร์เรลต่อวัน และจะเพิ่มเป็นประมาณ 30,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อการเจาะหลุมผลิตเพิ่มเติมอีก 1 หลุม ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งหลังของปี 2556
นอกจากนี้จะคาดการณ์เริ่มจำหน่ายน้ำมันดิบครั้งแรกได้ในเดือนสิงหาคม สำหรับ โครงการเอส 1 สามารถรักษาอัตราการผลิตน้ำมันดิบอย่างได้ต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 2 มีอัตราการผลิตเฉลี่ยที่ 33,900 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นผลจากการเจาะหลุมผลิตใหม่ รวมถึงการทำ Artificial lift และ Waterflooding ต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 1 ส่วนแหล่ง Leismer ที่ โครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดี มีอัตราการผลิตในไตรมาสที่ 2 ที่ประมาณ 14,000 บาร์เรลต่อวัน ปัจจุบันโครงการได้เสร็จสิ้นการขุดเจาะหลุมคู่ (หลุมอัดไอน้ำและหลุมผลิต) เพื่อการผลิตของ Well pad ที่ 5 ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
โดยที่การก่อสร้างยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมเข้าสู่กระบวนการผลิตได้ในไตรมาสแรกของปี 2557 และสุดท้ายสำหรับ โครงการเวียดนาม 16-1 ที่มีอัตราการผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ย 46,293 บาร์เรลต่อวัน และก๊าซธรรมชาติ 28.3 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยในไตรมาสนี้โครงการประสบความสำเร็จในการทดสอบความสามารถในการผลิตของ FPSO (Floating Production Storage and Offloading Unit) ที่ระดับการผลิตน้ำมันดิบ 60,000 บาร์เรลต่อวัน