มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจเอสเอ็มอี ไตรมาส 1 ปี 2556 ซึ่งจัดทำเป็นครั้งแรกและสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 1,106 ราย ระหว่างวันที่ 23 เม.ย.-10 พ.ค.2556 พบว่าค่าดัชนีอยู่ที่ 59.6 โดยค่าดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 100 ถ้าสูงกว่า 50 แสดงว่าผู้ประกอบการเห็นว่าสถานการณ์ธุรกิจอยู่ในเกณฑ์ที่ดีหรือมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น
"ธุรกิจบริการ"มีค่าดัชนีความสามารถในการแข่งขันสูงสุดที่ 60.9 รองลงมาคือ "ธุรกิจการผลิต" อยู่ที่ 59.6 และ"ธุรกิจการค้า"อยู่ที่ 58.4
เมื่อพิจารณาแยกตามประเภทธุรกิจพบว่าเอสเอ็มอีใน "ธุรกิจค้าส่ง" มีค่าดัชนีความสามารถในการแข่งขันสูงสุดที่ 67.2 รองลงมาคือ "ธุรกิจโรงแรมและเกสท์เฮาส์" อยู่ที่ 61.5 ส่วน "ธุรกิจค้าปลีก" มีค่าดัชนีต่ำสุดที่ 53.5
และเมื่อพิจารณาเอสเอ็มอีรายภูมิภาคพบว่าเอสเอ็มอีในภาคกลางมีค่าดัชนีความสามารถในการแข่งขันสูงสุดที่ระดับ 65.7 ขณะที่ภาคใต้มีค่าดัชนีต่ำสุดคือ 51.1 เพราะธุรกิจส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมยางพาราและประมง ซึ่งปัจจุบันราคายางชะลอตัว และราคาดีเซลที่ทรงตัวระดับสูงมีผลต่อต้นทุนธุรกิจประมง