โอกิมีนโยบายด้านการตลาดที่ใช้ระบบสากล ด้วยองค์ประกอบด้านการผลิต และเครือข่าย การจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ครอบคลุมตลาดหลักทั้งในอเมริกาเหนือ เอเซีย และยุโรปโดยได้ดำเนินการจัดตั้งสำนักงานด้านการตลาดขึ้นในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของโอกิสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความแตกต่างด้านวัฒนธรรมให้ได้มากที่สุด ปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สื่อสารโทรคมนาคมที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น และใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก โดยโอกิมีส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศไทย 20% และทั่วโลก 14%
|
. |
. |
อุตสาหกรรมพรินเตอร์ทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการจากภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์สำหรับสำนักงานเพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องของเอกสารและงานธุรกิจ เครื่องพิมพ์ หรือ พรินเตอร์ นี้เป็นอุปกรณ์พ่วงต่อชนิดหนึ่งที่มีสำคัญมากสำหรับคอมพิวเตอร์ในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศกำลังครองเมือง เพราะเราสามารถพิมพ์ข้อมูลที่เราพิมพ์หรือสร้างมาให้อยู่ในรูปแบบของกระดาษ หรือที่เราเรียกว่า ฮาร์ดก็อปปี้ ได้ |
. |
ในปัจจุบันเครื่องพิมพ์ทั่ว ๆ ไปที่มีใช้มีอยู่ 3 แบบ คือ 1. Dot Matrix หรือ เครื่องพิมพ์ชนิดหัวเข็ม เป็นเครื่องพิมพ์ชนิด 2. Inkjet หรือ พรินเตอร์สีชนิดพ่นหมึก เป็นเครื่องพิมพ์ที่นิยมใช้มากในปัจจุบันเพราะตัวเครื่องมีราคาถูก และยังสามารถพิมพ์รูปภาพสีออกมาได้ และ 3. Laser Jet คือ พรินเตอร์ชนิดหนึ่งที่ใช้ระบบการทำงานแบบใช้ความร้อนในการรีดผงหมึกลงบนกระดาษแบบเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร ในปัจจุบันมีการพัฒนาเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ให้สามารถพิมพ์ภาพสีได้ แต่ตัวเครื่องพิมพ์นั้นมีราคาสูงมาก |
. |
คอลัมน์ Plant Tour ฉบับนี้ จะนำพาท่านผู้อ่านไปสัมผัสกับโรงงานผลิตพรินเตอร์สำนักงานของบริษัท โอกิ ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยการเดินทางไปเยี่ยมชมในครั้งนี้ ได้พบกับผู้บริหารซึ่งมาแนะนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะนำมาพัฒนาเครื่องพรินเตอร์ทั้งในวันนี้และอนาคต พร้อมกับเปิดวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ และแนวทางการบริหารงาน จนทำให้พรินเตอร์ของโอกิมีส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศไทยกว่า 20 % และตลาดโลก กว่า 14% ครองความเป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น และอันดับ 7 ของโลก ในด้านการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สื่อสารโทรคมนาคม |
. |
มร.ซุโตมุ ชิเงะตะ ประธานบริษัท บริษัท โอกิ ดาต้า แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด |
. |
ความเป็นมาของโอกิ ซิสเต็มส์ในไทย |
ผลิตภัณฑ์ " โอกิ " ได้เข้ามามีบทบาทในตลาดผลิตภัณฑ์ประเภทสื่อสาร โทรคมนาคม ของไทยตั้งแต่เมื่อ 13 ปีที่ผ่านมา โดย บริษัท โอกิ อิเลคทริค อินดัสทรี จำกัด ประเทศญี่ปุ่นได้มอบหมายให้บริษัท โอลิมเปียไทย จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องพรินเตอร์ (Printer ) และต่อมาได้มอบหมายให้ บริษัท สหวิริยา โอเอ จำกัด ดูแลด้านการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทแฟกซ์ ( Fax ) และระบบโทรศัพท์ตู้สาขา ( Key Telephone System ) ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของ " โอกิ " เป็นที่รู้จักของคนไทย ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีในระบบสื่อสารโทรคมนาคม ( Telecommunication System ) และระบบสารสนเทศ ( Information System ) |
. |
นอกจากนี้บริษัท โอกิ อิเลคทริค อินดัสทรี ประเทศญี่ปุ่นยังได้จัดตั้ง บริษัท โอกิ ( ประเทศไทย ) จำกัด ขึ้นในเดือนมกราคม พ.ศ.2533 เพื่อดำเนินการผลิต IC และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ( Electronic Device ) สำหรับการส่งออก โดยเริ่มสายการผลิตในเดือนตุลาคม พ.ศ.2534 ต่อมาจึงได้เริ่มการผลิตเครื่องพรินเตอร์ และแฟกซ์ รวมทั้งได้พัฒนาการผลิตหัวพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยี LED ที่ใช้สำหรับเครื่องพิมพ์เลเซอร์พรินเตอร์ในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2535 โดยผลิตภัณฑ์ที่ผลิตทั้งหมดจะใช้เพื่อการส่งออก |
. |
ปัจจุบัน " โอกิ " มีโรงงานในประเทศไทยทั้งหมด 4 แห่ง ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตเดียวกันกับโรงงาน " โอกิ " ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประกอบด้วยโรงงาน 3 แห่ง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดำเนินการการผลิต IC, อุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ ( Electronic Device ), พรินเตอร์, แฟกซ์ และหัวพิมพ์เทคโนโลยี LED โรงงาน 1 แห่งในจังหวัดลำพูน - ดำเนินการผลิตหัวพิมพ์ 24 เข็มระบบ Dot Matrix ( Print head ) และ Motor Oscillators |
. |
ต่อมาบริษัท โอกิ อิเลคทริค อินดัสทรี จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ได้เล็งเห็นว่า ตลาดผลิตภัณฑ์ สื่อสารโทรคมนาคมในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จึงได้ตั้งสำนักงานสาขาขึ้นในประเทศไทย ในนามของ " บริษัท โอกิ ซิสเต็มส์ ( ประเทศไทย ) จำกัด " เมื่อเดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2540 เพื่อดูแลและรับผิดชอบด้านการตลาดและการขาย ตลอดจนการให้บริการลูกค้าในประเทศไทย รวมถึงประเทศในแถบอินโดจีน ได้แก่ เวียดนาม พม่า เขมร และลาว |
. |
. |
. |
ความสำเร็จของ " โอกิ" |
บริษัท โอกิ อิเลคทริค อินดัสทรี จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.2424 หรือเมื่อ 117 ปีที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นผู้ผลิตสินค้าประเภทสื่อสารโทรคมนาคม ( Telecommunication ) , รายแรกของประเทศญี่ปุ่น หลังจากอเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ประสบความสำเร็จในการคิดค้นระบบโทรศัพท์เครื่องแรกเป็นเวลาเพียง 5 ปี เท่านั้น และนับแต่นั้นเป็นต้นมา "โอกิ" จึงเป็นผู้นำด้านการผลิต การตลาดและการให้บริการด้านระบบเครือข่ายมัลติมีเดีย รวมถึงระบบสารสนเทศ และอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก |
.. |
โอกิมีนโยบายด้านการตลาดที่ใช้ระบบสากล ด้วยองค์ประกอบด้านการผลิต และเครือข่าย การจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ครอบคลุมตลาดหลักทั้งในอเมริกาเหนือ เอเซีย และยุโรปโดยได้ดำเนินการจัดตั้งสำนักงานด้านการตลาดขึ้นในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของโอกิสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความแตกต่างด้านวัฒนธรรมให้ได้มากที่สุด ปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สื่อสารโทรคมนาคมที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น และใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก โดยโอกิมีส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศไทย 20% และทั่วโลก 14% |
. |
ผลิตภัณฑ์ของบริษัทในตลาดปัจจุบัน |
เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ทั้งแบบสีและขาวดำที่มีคุณภาพสูงเหมาะสำหรับใช้งานกับบริษัท ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ 4 แบบ ด้วยกัน ดังนี้ 1.พรินเตอร็สี 2.พรินเตอร์ขาวดำ 3.พรินเตอร์ชนิดหัวเข็ม 4.เครื่องโทรสาร |
. |
. |
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ |
โดยมีจุดเด่นในเรื่องระบบความปลอดภัย มีเดียต่าง ๆ ในการพิมพ์ ที่เป็นบิสเนส พริ้นติ้ง โซลูชัน ในการทำงานเชิงธุรกิจ เช่น ระบบการจัดการ เอกสารต่างๆ โดยมีคุณภาพการพิมพ์ใกล้เคียงกับภาพออพเซต สามารถขยายภาพเป็นขนาด A3 ได้ เครื่องพรินเตอร์เลเซอร์สามารถทำได้ทั้งความกว้างและสูง ส่วนจุดเด่นของ LED เครื่องมีน้ำหนักเบากว่าเครื่องเลเซอร์ ขนาดของ Sport (จุด) เล็กกว่ามากทำให้ความละเอียดของภาพมีมากขึ้น และมีขนาดของจุดที่แตกต่างกันทำให้ได้ภาพที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติ มีความรวดเร็วในการพิมพ์ |
. |
Line Product |
ผลิตภัณฑ์ที่ประกอบในโรงงาน โอกิ ใน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แบ่งออกเป็น 6 ประเภทด้วยกัน ดังนี้ |
. |
1. LED 2. พรินเตอร์สี 3. พรินเตอร์ขาวดำ 4. พรินเตอร์ชนิดหัวเข็ม (Dot Matrix Printer) 5. เครื่องโทรสาร 6. ส่วนของ consumable parts |
. |
การประกอบ LED เป็นการประกอบชิ้นส่วนสำคัญของเครื่องพรินเตอร์ โดยจะแบ่งออก 2 ประเภท การประกอบเพื่อส่งต่อให้ไลน์การผลิตพรินเตอร์ภายในโรงงาน และบางส่วนได้ส่งออกไปยังบริษัทในเครือ เช่น โรงงานประกอบพรินเตอร์ในประเทศจีน |
. |
. |
. |
การผลิตเครื่องพรินเตอร์สามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท |
1. ผลิตภัณฑ์หลัก อันได้แก่ เครื่องพรินเตอร์สี ซึ่งมีสัดส่วนในการผลิตทั้งหมดประมาณ 50% การผลิตทั้งหมด 2. เครื่องพรินเตอร์ขาวดำ ได้ลดสัดส่วนการผลิตลง เนื่องจากแนวโน้มการใช้งานลดลง 3. พรินเตอร์ชนิด Dot Matrix Printer พรินเตอร์ที่ประกอบจากฐานการผลิตของจังหวัดอยุธยาได้มีการจัดส่งไปยังทั่วโลก ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 50% จากยอดขายทั้งหมดทั่วโลกของผลิตภัณฑ์ |
. |
การแข่งขันของตลาดพรินเตอร์ในปัจจุบัน |
แนวทางธุรกิจของโอกิต้องการทำการสื่อสารให้ลูกค้าได้ทราบว่าโอกิ พรินติ้ง มีโซลูชันอะไรบ้าง ที่คิดและพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานในเรื่องของการพิมพ์ พร้อมมีเครื่องพิมพ์ที่หลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกใช้งานได้ตามต้องการ พฤติกรรมการใช้เครื่องพรินเตอร์ในประเทศไทยในปัจจุบันมีแนวโน้มในการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งความนิยมในการใช้พรินเตอร์ในอนาคตเริ่มเปลี่ยนไป และผู้บริโภคเริ่มมองหาพรินเตอร์ที่มีคุณภาพสูงมากขึ้น ผู้บริโภคที่ใช้พรินเตอร์ประเภทดอตเมทริกซ์, อิงค์เจ็ท, เลเซอร์ขาวดำ จะมีปริมาณลดลงและจะเริ่มเปลี่ยนมาใช้ เลเซอร์พรินเตอร์สีมากขึ้น พร้อมกันนี้แนวโน้มราคาของเลเซอร์พรินเตอร์สีจะถูกลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ผู้บริโภคจึงเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้เลเซอร์พรินเตอร์สีมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันตลาดพรินเตอร์โดยรวมในประเทศไทยใหญ่มากและมีแนวโน้มในการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยมูลค่าตลาดโดยรวมของตลาดเครื่องพรินเตอร์ในประเทศไทยมีมูลค่าถึง 5,640 ล้านหรือเท่ากับ 910,497 เครื่องต่อปี |
. |
. |
. |
กลยุทธิ์การตลาดและการดำเนินงาน |
บริษัทโอกิเองต้องการขยายตลาด ให้ลูกค้าได้รู้จักกับสินค้าโอกิมากขึ้น ในตลาดกลุ่มลูกค้าองค์กร ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยจะมุ่งเน้นในการให้การสนับสนุนกับตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น รวมถึงต้องการขยายสายการผลิตใหม่ ๆ เพื่อการเติบโต พร้อมทั้งเพิ่มสินค้าใหม่ในตลาดอย่างต่อเนื่อง คือ Mono Printer, Mono Multifunction, Color Printer A3, Color Multifunction เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มมากขึ้น |
. |
กลุ่มตลาดเครื่องพรินเตอร์ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มได้แก่ กลุ่มเครื่องดอตเมทริกซ์พรินเตอร์, กลุ่มพรินเตอร์อิงค์เจ็ท, กลุ่มพรินเตอร์โมโนเลเซอร์ และกลุ่มพรินเตอร์คัลเลอร์เลเซอร์ โดยมูลค่าตลาดเครื่องพรินเตอร์ ของบริษัท โอกิ ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด และในปัจจุบันโอกิมีส่วนแบ่งในตลาดเครื่องพรินเตอร์ดอตเมทริกซ์สูงเป็นอันดับ 2 โดยมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 20% และมีส่วนแบ่งในตลาดเครื่องพรินเตอร์สีเป็นอันดับ 3 และมีส่วนแบ่งในตลาดอยู่ที่ 10 % ของมูลค่าตลาดรวมทั้งหมด |
. |
และ ในปี 2550 นี้ สถานการณ์การแข่งขันในตลาดเครื่องพรินเตอร์ในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะลดลง แต่อย่างไรก็ดีแนวโน้มเครื่องพรินเตอร์สีมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้น โดยเพิ่มขึ้นสูงถึง 20 % ดังนั้น โอกิ จึงจำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์การตลาดใหม่ ๆ เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดให้ได้มากที่สุด และได้เริ่มรุกในตลาดต่างประเทศมากขึ้น พร้อมกับดำเนินนโยบายทางการตลาดด้วยการเป็นสปอนเซอร์ให้กับสินค้าหลายชนิด เช่น ฟุตบอล รถยนต์ เป็นต้น ขณะเดียวกันพฤติกรรมของการเลือกซื้อเครื่องพรินเตอร์ของผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญสูงสุดกับคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีที่นำสมัย |
. |
. |
นโยบายคุณภาพเพื่อการบริหารงานที่ดี |
ความคาดหวังจากลูกค้าคือสิ่งที่เราคำนึงถึงมาโดยตลอด ทุกคนที่เป็นพลังขับเคลื่อนจะระลึกอยู่เสมอว่า กระบวนการถัดไป คือ ลูกค้า เราจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างไร พวกเราคิดอยู่เสมอว่า ถ้าเขาเป็นคนซื้อสินค้า เขาจะต้องประทับใจมากน้อยแค่ไหน หากสินค้าเป็นสิ่งที่เขาคาดหวังไว้ เพราะฉะนั้นแล้ว ความคาดหวังที่ลูกค้าคาดหวังไว้กับพวกเรา ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านผลิตภัณฑ์ ทุกคนมีส่วนร่วมและช่วยกันในการสรรสร้าง ร่วมมือ ทุ่มเทสำหรับทุกขั้นตอนของการผลิต โดยเน้นให้พนักงานได้เรียนรู้และนำระบบการพัฒนาทักษะมาใช้ในสายการผลิตประกอบ ซึ่งเราจะเรียกว่า ทาโนโกะ เป็นภาษาญี่ปุ่น มีความหมายว่า มีทักษะในหลายๆ ด้าน |
. |
พนักงานหนึ่งคนจะมีทักษะในการประกอบงานได้มากกว่า 1 ประเภท โดยชิ้นงานที่ใช้ในการประกอบนั้น บางยูนิตมีการใช้ชิ้นส่วนถึง 20 รายการ ซึ่งพนักงานนอกจากจะต้องจำขั้นตอนการประกอบได้อย่างถูกต้องแล้ว การใช้เวลาในการประกอบให้น้อยที่สุด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ เช่นเดียวกัน ระบบการพัฒนาทักษะแบบ ทาโนโกะ นี้ได้ช่วยส่งเสริมให้พนักงานได้ท้าทายความสามารถและพัฒนาทักษะของพวกเขาเหล่านั้นได้อย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จจะประกาศผลวัดความก้าวหน้าของทักษะไว้บริเวณทางเข้าพื้นที่การทำงาน ซึ่งทำให้พนักงานสามารถตรวจสอบทักษะและของเพื่อน ๆ ได้ตลอดเวลา ซึ่งบริษัทฯ จัดให้มีการวัดผลทักษะทุก ๆ 6 เดือน |
. |
. |
องค์กรคุณภาพเพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพ |
บริษัทได้รับใบรับรองระบบการบริหารงานด้านคุณภาพขององค์กร ISO –9001:2000 และระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ISO-14001:2004 ซึ่งมาตรฐานดังที่กล่าวนี้สามารถส่งเสริมให้พนักงานตระหนักถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี กิจกรรมด้านคุณภาพจำเป็นต้องดำเนินอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พนักงานสามารถทำความเข้าใจและคิดถึงคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ จะเห็นได้ว่าการสร้างทีมงานเพื่อเชื่อมโยงไปสู่กระบวนการบริหารจัดการในสายงานการผลิต ซึ่งเป็นไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอนมันสามารถสะท้อนให้เห็นผลิตภัณฑ์ที่สรรสร้างออกมาได้อย่างมีคุณภาพ โอกิอีกหนึ่งบริษัทที่มีสายการผลิตที่หลากหลายนำมาสู่ความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มที่ทุกคนให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ |
. |
สนใจข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ |
คุณนิภารัตน์ ลัคนาพร บริษัท โอกิ ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร.02-679-9235 -42 ต่อ 22 หรือ อีเมล niparat523@oki.com |