เนื้อหาวันที่ : 2007-06-07 09:27:42 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1750 views

รถไฟไฟ้แอร์พอร์ตลิงค์ งานโยธาไม่คืบ หวั่น ซํ้ารอยโฮปเวลล์

มีปัญหาความล่าช้าในการก่อสร้างซึ่งคืบหน้าเพียง 63% ช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ 97% ทั้งนี้ความล่าช้าที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเพราะ รฟท. ส่งมอบพื้นที่ล่าช้า เรื่องนี้มีความกังวลว่าการเมืองจะเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้สัญญาหยุดชะงักและเป็นเหมือนโครงการเรือขุดและโครงการโฮปเวลล์

นายนคร จันทรศร รองผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยในการเสวนาโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ ว่า การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง แอร์พอร์ตลิงค์ ซึ่งจะครบกำหนดส่งมอบงานโยธาในวันที่ 7 ส.ค. และต้องส่งมอบงานทั้งหมดในวันที่ 5 พ.ย.นี้ มีปัญหาความล่าช้าในการก่อสร้างซึ่งคืบหน้าเพียง 63% ช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ 97% โดยตามสัญญา รฟท. จะต้องชำระค่าก่อสร้างและค่าธรรมเนียมการเงินพร้อมดอกเบี้ยจำนวน 22,593 ล้านบาท ให้กับผู้รับเหมาในวันส่งมอบงานทั้งหมด ทั้งนี้ความล่าช้าที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเพราะ รฟท. ส่งมอบพื้นที่ล่าช้า เรื่องนี้มีความกังวลว่าการเมืองจะเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้สัญญาหยุดชะงักและเป็นเหมือนโครงการเรือขุดและโครงการโฮปเวลล์ เพราะงานโยธายังไม่แล้วเสร็จ ในขณะที่งานระบบไฟฟ้าคืบหน้า 71.5% ทั้งนี้ รฟท. กำลังพิจารณาความเหมาะสมในการขยายเวลาก่อสร้าง เบื้องต้นคาดว่าอยู่ที่ 463 วัน โดยจะต้องเร่งสรุปการขยายเวลาให้แล้วเสร็จก่อน 7 ส.ค. นี้ เพื่อไม่ให้การก่อสร้างหยุดชะงัก เพราะหากไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องนี้ รถไฟฟ้าที่ทำอยู่ที่ต่างประเทศก็จะไม่สามารถส่งมาให้ รฟท. ได้

.

ทั้งนี้ รฟท. อยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อแก้ไขปัญหาหลังจากครบกำหนดสัญญา โดยมีแนวทางที่เป็นไปได้ 3 แนวทาง คือ  1. ขอยืดอายุเงินกู้ออกไปจนกว่างานจะแล้วเสร็จ ซึ่งจะทำให้ รฟท.ยังไม่ต้องหาแหล่งเงินกู้มาจ่ายชำระคืน แต่ธนาคารอาจมีปัญหา เพราะธนาคารจะต้องตั้งค้างชำระดอกเบี้ยเป็นเวลากว่า 4 ปี ซึ่งอาจส่งผลต่อฐานะการเงินของธนาคารบางแห่งได้ 2. ขอยืดอายุเงินกู้ออกไป จนกว่างานจะแล้วเสร็จ แต่ รฟท. ต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยค้างชำระจนถึงวันที่ 5 พ.ย. 50 คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 1,400 ล้านบาท โดยก่อนแนวทางนี้ รฟท. จะต้องหาแหล่งเงินกู้มารองรับ รวมทั้งทำความชัดเจนกับ ครม. ว่าสมควรรับภาระหรือไม่ ขณะที่ธนาคารน่าจะรับได้ในระดับหนึ่ง เพราะได้รับเงินสดค่าดอกเบี้ยที่ตั้งค้างชำระแล้วทั้งหมด ส่วนที่เหลือก็ตั้งค้างชำระใหม่ และ3.การรีไฟแนนซ์ทั้งจำนวน เพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ โดย รฟท. และกระทรวงการคลังต้องหาแหล่งเงินกู้ใหม่รองรับโครงการ โดยเฉพาะการรับภาระจากภาครัฐในส่วนโครงสร้างพื้นฐาน.

.

ที่มา : เดลินิวส์