ผถห. FPI ยิ้มรับเงินปันผลอีก 0.08 บ./หุ้น รวมทั้งปีจ่าย 0.20 บ./หุ้น ผู้บริหารวางเป้ารายได้ปีนี้โตเกิน 20% ชี้เครื่องจักรใหม่เดินเครื่องได้ตามกำหนด
ผู้ถือหุ้น FPI ปลื้มผลประกอบการปี 2555 เติบโตก้าวกระโดด กวาดกำไรสุทธิ 162.53 ล้านบาท เติบโต 156.23% พร้อมอนุมัติจ่ายปันผลอีก 0.08 บ./หุ้น รวมทั้งปีจ่าย 0.20 บ./หุ้น ด้านผู้บริหาร “สมพล ธนาดำรงศักดิ์” ระบุปีนี้ยังคงเป็นปีทองของบริษัท หลังติดตั้งเครื่องจักรขนาดใหญ่ 3 ตัวแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ ช่วยดันกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% คาดรับรู้รายได้ได้ตั้งแต่ Q2/56 เป็นต้นไป มั่นใจออร์เดอร์ล้นทำรายได้ปี 2556 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูนพาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI เปิดเผยพร้อมกันนี้ที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2556 ได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2555 เพิ่มอีกหุ้นละ 0.08 บาท ซึ่งถือหุ้นรวมจำนวนทั้งสิ้น 295 ล้านหุ้น และก่อนหน้านี้ FPI ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นไปแล้วจำนวน 0.12 บาทต่อหุ้น สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือน ตั้งแต่ 1 ม.ค.-30 ก.ย.2555 ดังนั้นจะรวมเป็นเงินปันผลจ่ายในปี 2555 ทั้งสิ้น จำนวนหุ้นละ 0.20 บาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ รอบปี 2555 ที่ผ่านมาผลประกอบการของ FPI มีการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยได้รับอานิสงส์จากนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล ทำให้กำไรสุทธิในปี 2555 ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาเป็นระยะเวลา 20 ปี โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 162.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99.10 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 156.23% จากปี 2554 ที่มีกำไรสุทธิ 63.43 ล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ 1,585.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.95% จากปี 2554 ที่มีรายได้ 1,300.36 ล้านบาท
ผู้บริหารรายเดิม ได้กล่าวถึงการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า ล่าสุดเครื่องจักรที่สั่งซื้อจำนวน 3 เครื่อง กำลังจะมาถึงประเทศไทยในวันที่ 10 เมษายนนี้ จะถูกติดตั้งจากทีมผู้เชี่ยวชาญจากประเทศไต้หวัน ซึ่งคาดว่าหลังเทศกาลสงกรานต์จะติดตั้งแล้วเสร็จและสามารถทดสอบระบบได้ในปลายเดือนเมษายนนี้แน่นอน และ นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในด้านการผลิตมากขึ้น
เครื่องจักรใหม่ที่สั่งซื้อในครั้งนี้เป็นเครื่องฉีดกันชนขนาดใหญ่ทั้งหมด ซึ่งหากติดตั้งและทดสอบระบบเรียบร้อย จะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 50% และทำให้มีต้นทุนลดลงถึง 26% ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรสูงขึ้นได้ และนอกจากการสั่งเครื่องจักรใหญ่มา 3 ตัวแล้ว ทางบริษัทยังมีการปรับปรุงเครื่องจักรเดิมอีกจำนวน 2 เครื่อง ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 30% โดยทางบริษัทตั้งเป้าว่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป บริษัทจะสามารถผลิตชิ้นส่วนได้มากถึง 93,000 ตัว/เดือน ซึ่งหากสามารถเดินเครื่องผลิตได้สมบูรณ์จะทำให้การรับรู้รายได้จะเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/2556 ซึ่งจะทำให้เห็นภาพของผลประกอบการที่จะโดดเด่นขึ้นอย่างชัดเจนนับจากเดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป”
นายสมพล กล่าวต่อในช่วงท้ายว่า FPI ได้ตั้งเป้ารายได้ในปี 2556 โดยคาดว่าในส่วนของรายได้จะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน 1.58 พันล้านบาท เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งภายในและภายนอกประเทศ นอกจากนี้บริษัทฯ จะมีการลงทุนในแม่พิมพ์สำหรับตลาดใหม่ ๆ และตลาด AEC ประมาณ 150 ล้านบาท จากปี 2555 ที่ผ่านมา 100 ล้านบาท ซึ่งสามารถสร้าง margin สำหรับแม่พิมพ์ใหม่ๆ โดยเฉลี่ย 40-50% นอกจากนี้บริษัทยังเน้นที่จะหาพันธมิตรสำหรับอะไหล่ช่วงล่างและเครื่องยนต์มากขึ้นซึ่งจะสามารถขยายตลาดและเพิ่มยอดขายสินค้าซื้อมาขายไปสูงขึ้น