เนื้อหาวันที่ : 2013-02-21 11:23:33 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1527 views

KSAM ตั้งเป้าปี 56 โต 20% ชี้กองทุนดาวเด่นสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้า

KSAM ตั้งเป้าปี 56 โต 20% ชี้กองทุนดาวเด่นสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้า

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี)เปิดเผยว่า “ภาพรวมของการลงทุนในปีที่ผ่านมา ณ สิ้นปี 2555 กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยเพิ่มสูงถึง35.75% จากสิ้นปี 2554ถือว่าสูงสุดในอาเซียน ทั้งนี้ กองทุนหุ้นในอุตสาหกรรมสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 40.5% และกองทุนหุ้นในอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดอยู่ที่ 75.9%

ส่วนกองทุนหุ้นในอุตสาหกรรมที่ผลตอบแทนต่ำสุดอยู่ที่ 9.8% อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ยังคงลงทุนแบบกระจุกตัวในกองทุนตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง ทำให้ได้รับผลตอบแทนค่อนข้างต่ำและมีความเสี่ยงที่มูลค่าเงินจะด้อยค่าลงเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้น แนวทางการจัดพอร์ตการลงทุนในปีนี้ผมขอแนะนำให้ผู้ลงทุนพิจารณาจัดสรรเงินลงทุนบางส่วนมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงให้มากขึ้น รวมถึงกระจายการลงทุนไปยังกองทุนที่หลากหลายเพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีและลดความเสี่ยงของการลงทุน”

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2555 ที่ผ่านมามีความโดดเด่นมากโดยเฉพาะกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ของบริษัทสูงถึง 1.53 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2554 กว่า 5 หมี่นล้านบาทหรือคิดเป็นอัตราเติบโตสูงถึง 48% ซึ่งสูงกว่าอุตสาหกรรมกองทุนรวมที่มีอัตราการเติบโต 21% นอกจากนั้น มีจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 54% สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความไว้วางใจที่ผู้ลงทุนมอบให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

ในส่วนของกองทุนรวมมีอัตราเติบโตประมาณ 58% กองทุนLTF เติบโตสูงเป็นอันดับที่ 4 ของอุตสาหกรรม โดยมีอัตราการเติบโตสูงถึง 70% และมีเงินลงทุนใหม่เพิ่มขึ้นสูงเป็นอันดับ 2 ในอุตสาหกรรม คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนใหม่ 4,162 ล้านบาท โดยเฉพาะกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล(KFLTFDIV) ถือเป็นกองทุนดาวเด่นและมีผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากทั้งในส่วนของการเปิดบัญชีใหม่และการโอนย้ายมาจาก บลจ.อื่น เนื่องจากกองทุนนี้สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีย้อนหลังทั้งระยะ 3 ปีและ 5 ปี สูงสุดในกลุ่มกองทุนรวมหุ้นระยะยาวทั้งหมดในประเทศไทย กองทุน RMF มีอัตราการเติบโตสูงถึง 51%

 โดยกองทุนที่มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผลเพื่อการเลี้ยงชีพ (KFDIVRMF) ในส่วนของกองทุนรวมหุ้นมีอัตราการเติบโตสูงถึง 35% เนื่องจากมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างสม่ำเสมอ กองทุนที่ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นจำนวนมาก เช่น กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล (KFSDIV) และกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นแวลู (KFVALUE) เป็นต้น นอกจากนี้ ในส่วนของกองทุนส่วนบุคคลมีอัตราเติบโต 48% และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีอัตราเติบโตที่ 10% อีกด้วย”

แผนการดำเนินงานในปี 2556 บริษัทได้วางเป้าหมายมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ที่ 1.8 แสนล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 20% และมุ่งมั่นบริหารจัดการกองทุนให้มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนให้กับลูกค้า รวมทั้งมีการเตรียมความพร้อมในการขยายการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน และเพิ่มจำนวนบุคลากรเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนใหม่ๆที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนโดยเน้นการจัดจำหน่ายผ่านสาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็นหลักเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย One Krungsri และตอกย้ำถึงสโลแกน Make Life Simple โดยพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิคส์ให้สามารถตอบสนองความต้องการและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับของผู้ลงทุนมากขึ้น ที่ผ่านมาผู้ลงทุนให้การตอบรับระบบบริการอิเลคทรอนิคส์เป็นอย่างดีมีจำนวนผู้ทำธุรกรรมผ่านระบบอินเตอร์เน็ตสูงถึง 42% ของยอดธุรกรรมทั้งหมด”

นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ให้กับผู้ลงทุนผ่านช่องทางต่างๆมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมและงานสัมมนาทาง access PL@CE เช่น งานสัมมนาลงทุนอย่างไรให้ให้ได้ 100 ล้าน ซึ่งเป็นงานสัมมนาที่จัดขึ้นเป็นประจำและได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนอย่างล้นหลาม เป็นต้น รวมถึงการให้ความรู้ผ่านบทความและการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้ผู้ลงทุนมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการลงทุนมากขึ้น และสามารถจัดสรรเงินบางส่วนมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนอย่างน้อย 3 – 5 ปี เนื่องจากกองทุนที่ดีควรมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอ มีระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนอย่างยั่งยืน” นายฉัตรพี กล่าว

การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและคู่มือภาษีให้เข้าใจก่อนการตัดสินใจลงทุน