เนื้อหาวันที่ : 2006-05-16 10:42:31 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1592 views

ปตท. ได้รับเลือกเป็น สุดยอดสถานีบริการน้ำมันไทย

บริษัท ปตท. ได้รับเลือกเป็น สุดยอดสถานีบริการน้ำมันไทยติดต่อกันต่อเนื่องถึง 8 ปี จากการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ ยืนยันถึงความเป็นผู้นำและการยอมรับของคนไทย

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้รับเลือกเป็น สุดยอดสถานีบริการน้ำมันไทยติดต่อกันต่อเนื่องถึง 8 ปี จากการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ  ยืนยันถึงความเป็นผู้นำและการยอมรับของคนไทย

.
นายสรัญ รังคสิริ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำปี 2549 (Trusted Brands) ของนิตยสารรีดเดอร์ส ไดเจสท์ - สรรสาระ ปรากฎว่า ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทของคนไทย ได้รับเลือกให้เป็น แบรนด์สุดยอด สถานีบริการน้ำมันไทย ประจำปี พ.ศ. 2549  ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นปีที่ 8 (พ.ศ. 2542-2549)  ซึ่งรางวัลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำ  การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์  ตลอดจนรูปแบบการให้บริการที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างแท้จริง

การสำรวจ Trusted Brands โดยรีดเดอร์ส ไดเจสท์ เป็นการสำรวจแบรนด์ของสินค้าและบริการ จากความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ซึ่งเริ่มทำการสำรวจครั้งแรกในปี พ.ศ. 2542 ใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย ฮ่องกง  สิงคโปร์  มาเลเซีย ไต้หวัน  อินเดีย  และฟิลิปปินส์  โดยมีหลักเกณฑ์ 6 ข้อในการพิจารณา คือ ความไว้วางใจ  คุณภาพ  คุณค่า  ภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง การสนองความต้องการของผู้บริโภค และการพัฒนานวัตกรรมเพื่อนำเสนอรูปลักษณ์หรือบริการใหม่ ๆ ให้แก่ผู้บริโภค

.

นายสรัญฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจน้ำมันเป็นธุรกิจค้าเสรีมีการแข่งขันสูง อย่างไรก็ดี  ปตท. ยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นปีที่ 14 (นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536) โดยมีส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันประมาณ 30%  ทั้งนี้ ปตท. มีเจตนารมณ์ยึดมั่นในการให้บริการที่มีคุณภาพดีที่สุด ควบคู่ไปกับการบรรเทาผลกระทบของประชาชน จากสถานการณ์น้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและผันผวนตามภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยในปี พ.ศ. 2548 ปตท. ช่วยรับภาระแทนผู้ใช้น้ำมันคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท  และตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2549  เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ปตท. ช่วยบรรเทาภาระผู้บริโภคแล้วกว่า 1,800 ล้านบาท