เนื้อหาวันที่ : 2013-02-01 10:53:52 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2170 views

ส่งออกฯ เดินหน้าพัฒนาผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทยขานรับ AEC

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ชูจุดแข็งผู้ประกอบการไทย พร้อมผลักดันประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์การค้าของอาเซียน

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (กรมส่งเสริมการส่งออกเดิม) เดินหน้าเพิ่มศักยภาพผู้ให้บริการโลจิสติกส์ของไทย รองรับการรวมตัวประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 ขณะที่สำนักโลจิสติกส์การค้า ชูจุดแข็งผู้ประกอบการไทย พร้อมผลักดันประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์การค้าของอาเซียน

นางศรีรัตน์ รัฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า “การรวมตัว AEC ในอีก 2 ปีข้างหน้า จะส่งผลให้มีการเปิดเสรีทางด้านการค้า การลงทุน ธุรกิจบริการ รวมถึงแรงงาน มีฝีมือ ทำให้ผู้ลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะจากประเทศสมาชิกอาเซียนเข้ามาแข่งขันและเพิ่มสัดส่วน การลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการไทยก็สามารถเข้าไปลงทุนและสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มประเทศ อาเซียนได้เช่นกัน รวมถึงสร้างโอกาสการค้ากับกลุ่มคู่ค้าสำคัญๆอย่างเช่น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี อินเดีย สหภาพยุโรป หรือสหรัฐอเมริกาได้อีกด้วย ทั้งนี้ สภาพการแข่งขันที่สูงขึ้นนี้ จะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ผู้ประกอบธุรกิจการค้าไทย ต้องเร่งพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน คุณภาพ และลดต้นทุนสินค้า ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่จะยกระดับความสามารถทาง การแข่งขันทางด้านการค้าระหว่างประเทศให้กับผู้ประกอบธุรกิจการค้าไทย นั่นคือการพัฒนาประสิทธิภาพและการลดต้นทุนด้านการจัดการโลจิสติกส์ ที่จะเป็นภาคธุรกิจแรกๆ ที่เปิดเสรีเมื่อ AEC เสร็จสมบูรณ์”

นางศรีรัตน์ อธิบายเพิ่มเติมว่า “สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้แบ่งโครงสร้างของบริการโลจิสติกส์ไทย ไว้เป็น 5 ประเภท ได้แก่ การขนส่งสินค้า การจัดเก็บสินค้า บริการด้านพิธีการต่างๆ บริการงานโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการเสริม และบริการพัสดุและไปรษณียภัณฑ์ ปัจจุบันพบว่าผู้ประกอบการธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศไทย มี 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ ผู้ประกอบการขนส่งทางบก ขนส่งทางน้ำ ขนส่งทางอากาศ ตัวแทนออกของและตัวแทนขนส่ง และคลังสินค้า รวมกว่า 10,000 บริษัท และกว่าร้อยละ 80 เป็นผู้ประกอบการขนาดย่อมและขนาดกลางหรือ SMEs ส่วนผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร มักเป็นบริษัทข้ามชาติ หรือผู้ประกอบการไทยรายใหญ่ๆ เท่านั้น และแม้ผู้ประกอบธุรกิจบริการโลจิสติกส์ของไทยจะมีจุดแข็งที่ความยืดหยุ่นในการให้บริการ แต่เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนโลจิสติกส์ของไทยซึ่งมีตัวเลขเฉลี่ยประมาณ 17.9% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ก็ยังสูงกว่าประเทศคู่แข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิงคโปร์และมาเลเซีย

“ดังนั้น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะหน่วยงานสนับสนุนผู้ส่งออก และผู้ประกอบธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ จึงต้องเร่งพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกและอุตสาหกรรมบริการด้านโลจิสติกส์ของไทย เพื่อมุ่งลดต้นทุนโลจิสติกส์ เพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพิ่มความปลอดภัยและความเชื่อถือในกระบวนการนำส่งสินค้าและบริการ รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจจากอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง”

อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศยังกล่าวย้ำเตือนให้ผู้ประกอบตื่นตัวในการพัฒนาศักยภาพ พร้อมทั้งเชิญชวนให้ติดตามข่าวสารจากสำนักโลจิสติกส์การค้า ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง และมีการจัดโครงการและกิจกรรมเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง อาทิ การนำคณะผู้ประกอบการของไทยเดินทางไปเจรจาการค้าในต่างประเทศเพื่อสร้างพันธมิตรทางการค้าพร้อมทั้งขยายตลาด รวมถึงการจัดโครงการลดต้นทุนโลจิสติกส์สำหรับผู้ส่งออก และโครงการศึกษาเส้นทางการขนส่งเพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต เป็นต้น